
KEY
POINTS
การประกาศจากสหพันธ์เปตองนานาชาติ (FIPJP) ที่สั่งห้ามจัดการแข่งขันกีฬาเปตองใน ซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ อาจเป็นคำสั่งสุดท้ายในวิกฤตที่ทำให้นักกีฬาไทยต้องสูญเสียโอกาสสำคัญในชีวิต บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจเบื้องลึกของดราม่าที่ทำเอาวงการกีฬาไทยต้องสั่นสะเทือน
ต้องยอมรับว่ากีฬาเปตอง คือหนึ่งในกีฬาความหวังเหรียญทองของไทยในมหกรรมซีเกมส์มาโดยตลอด ตั้งแต่บรรจุแข่งขันครั้งแรกในปี 2001 ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศไทยก็แทบไม่เคยพลาดที่จะเป็นเจ้าเหรียญทองเลย โดยในซีเกมส์ครั้งล่าสุด ทีมชาติไทยก็สามารถกวาดไปได้ถึง 6 เหรียญทอง และ 5 เหรียญทองแดง ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้นักกีฬา สตาฟฟ์โค้ช และสมาคมฯ ได้รับเงินรางวัลรวมกันไปหลายล้านบาทจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ
ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2566 เมื่อมีการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ คนใหม่แทน นายไกรสีห์ กรรณสูต ที่หมดวาระ โดยผู้ชนะคือ นาวาโท สุทธิโรจน์ ประพันธ์พัฒ อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติผู้มีประสบการณ์ ซึ่งได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นถึง 72 จาก 90 เสียง และได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
แต่หลังจากนั้นไม่นาน มีกลุ่มบุคคลที่ถูกมองว่าเป็น "กลุ่มขั้วอำนาจเก่า" ที่ไม่พอใจกับการสูญเสียผลประโยชน์ ได้ออกมากล่าวหาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส โดยมีการอ้างว่ามี "ชมรมผี" ที่ไม่มีสมาชิกและไม่เคยจ่ายเงินค่าบำรุง แต่กลับมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง และได้นำเรื่องนี้ไปร้องเรียนกับสหพันธ์เปตองนานาชาติ (FIPJP) เพื่อบีบให้ นาวาโท สุทธิโรจน์ ลงจากตำแหน่ง
ในมุมมองของสหพันธ์ฯ และผู้ร้องเรียน การที่บุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับการทุจริตการเลือกตั้งยังคงมีอำนาจอยู่ในสมาคมฯ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และเป็นการทำผิดหลักธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง ทำให้สหพันธ์ฯ มีคำสั่งแบน นาวาโท สุทธิโรจน์ จากวงการเปตองตลอดชีวิต และขู่ว่าจะมีการลงโทษที่รุนแรงหากไม่ทำตามคำสั่ง
แต่ในทางกลับกัน นาวาโท สุทธิโรจน์ ยืนยันว่าตนเองได้รับเลือกตั้งมาอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม และเชื่อว่าการยอมลาออกจะเท่ากับเป็นการยอมรับว่าตัวเองกระทำผิด ซึ่งเขาไม่สามารถยอมได้ เพราะเขาเชื่อว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง การกระทำของเขาจึงเป็นไปเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและความถูกต้องของตนเอง
เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างยืนกรานในจุดยืนของตัวเอง ปัญหาจึงไม่สามารถหาทางออกได้ แม้แต่ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย (อลป.ไทย) จะพยายามเข้ามาเป็นคนกลางเพื่อหาทางออกเฉพาะหน้า โดยการตั้ง "คณะกรรมการกลาง" ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่แทนสมาคมฯ ชั่วคราวเพื่อให้สามารถจัดการแข่งขันซีเกมส์ได้ แต่เรื่องกลับยุ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อ กกท. ยืนยันว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย โดยเฉพาะเรื่องการเบิกจ่ายเงิน ดังนั้นการโอนเงินเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาจึงต้องกระทำผ่านสมาคมฯตามกฎหมายไทยเท่านั้น แต่นั่นเท่ากับขัดกับคำสั่งของสหพันธ์ฯ ที่ห้ามเกี่ยวข้องกับ นาวาโท สุทธิโรจน์โดยเด็ดขาด
แนวทางที่ไม่สอดคล้องกันระหว่าง อลป.ไทย ที่เน้นความยืดหยุ่นเพื่อประโยชน์ของนักกีฬา และ กกท. ที่ยึดมั่นในกฎหมาย ทำให้ปัญหาไม่สามารถคลี่คลายได้ และเป็นเหตุให้สหพันธ์ฯ ออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด สั่งแบน การแข่งขันเปตองในซีเกมส์ 2025 และขู่จะแบนนักกีฬาทุกชาติที่เข้าร่วมแข่งเป็นเวลา 2 ปีเต็ม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วิกฤตการณ์เปตองในครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงหลายประเด็น
ถึงวันนี้ (23 ก.ย. 2568) การแข่งขันเปตองในซีเกมส์ก็ยังไม่สามารถจัดขึ้นได้ และเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือนก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น การไกล่เกลี่ยให้สหพันธ์ฯ เปลี่ยนใจดูจะเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง (แต่ยังไม่ถึงขั้น "เป็นไปไม่ได้") วิกฤตการณ์ครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนที่ทุกฝ่ายจะต้องจดจำไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า เมื่อผู้มีอำนาจต่อสู้กัน ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือนักกีฬาและประเทศชาติในที่สุด