
KEY
POINTS
แม้จะคุมทีมมาเพียงแค่ 6 นัด แต่ ทีมชาติอังกฤษ ในยุคของ โธมัส ทูเคิล ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าจับตามองอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมล่าสุดที่เอาชนะเซอร์เบียไปได้ 5-0 ซึ่งถือเป็นฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจที่สุดของพวกเขาภายใต้การนำทีมของกุนซือรายนี้
แม้ว่าสถิติจะออกมาดี ด้วยการชนะ 5 จาก 6 นัดและไม่เสียประตูเลยในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก แต่ก่อนหน้านี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอลก็ยังคงมีอยู่บ้าง เนื่องจากมองว่าทีมยังขาดความโดดเด่นสมกับคุณภาพของผู้เล่น อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทูเคิลได้ค่อยๆ ปรับจูนหลักการทางแท็กติกของเขาให้มีความลงตัวมากขึ้นในแต่ละเกม
อังกฤษในยุคของทูเคิลส่วนใหญ่จะเล่นในระบบ 4-4-1-1 แต่ในระหว่างเกม รูปแบบการยืนตำแหน่งจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เช่น 2-3-5, 3-2-5 และแม้กระทั่งการโหลดผู้เล่นแนวรุกเข้าไปถึง 7 คนในบางครั้ง โดยบทบาทของฟูลแบ็กถือเป็นหัวใจสำคัญในการปรับเปลี่ยนนี้
ในเกมกับเซอร์เบีย เราได้เห็นการสร้างเกมรุกที่ดุดันมากขึ้น โดยทูเคิลใช้เซ็นเตอร์แบ็กอย่าง มาร์ค เกฮี และ เอซรี คอนซ่า ร่วมกับมิดฟิลด์ เอลเลียต แอนเดอร์สัน เป็นแกนหลักในการขึ้นเกม และใช้ฟูลแบ็กอย่าง รีซ เจมส์ ยืนกว้างกว่าปกติเพื่อดึงผู้เล่นฝั่งตรงข้ามออกมาเปิดพื้นที่ ทำให้มิดฟิลด์ของเซอร์เบียต้องขยับตามจนเสียสมดุล
ทูเคิลยังคงใช้แท็กติกที่คล้ายกับยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ด้วยการให้ แฮร์รี่ เคน ถอยลงมาล้วงบอลในแดนกลาง ซึ่งจะดึงตัวประกบตามมาด้วย ทำให้เกิดพื้นที่ว่างในแดนหน้าสำหรับผู้เล่นคนอื่นที่สอดขึ้นไปทำประตูได้ง่ายขึ้น โดยในเกมกับเซอร์เบีย ผู้เล่นอย่าง โนนี่ มาดูเอเก้, แอนโธนี่ กอร์ดอน และ โรเจอร์ส ได้ใช้พื้นที่ที่เคนสร้างขึ้นได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ ทูเคิลยังให้ความสำคัญกับการวิ่งทำทางของผู้เล่นเกมรุกเพื่อดึงแนวรับของคู่ต่อสู้ให้เปิดพื้นที่ว่างให้เพื่อนร่วมทีม หรือเพื่อรับบอลยาวจากแดนหลังเพื่อจบสกอร์อีกด้วย
ทีมอังกฤษของทูเคิลแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเล่นเกมรุกมากขึ้น และกล้าที่จะเสี่ยงมากขึ้นด้วยการเน้นจ่ายบอลยาวจากแดนหลังเพื่อสร้างโอกาสในการทำประตู ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากยุคก่อนๆ ที่เน้นการครองบอลที่ปลอดภัยมากกว่า
นอกจากนี้ ทูเคิลยังให้ความรับผิดชอบอย่างมากกับผู้เล่นตัวริมเส้น โดยต้องการให้พวกเขาเผชิญหน้ากับฟูลแบ็กคู่ต่อสู้แบบตัวต่อตัว และใช้ทักษะเฉพาะตัวในการสร้างความแตกต่าง ซึ่งจนถึงตอนนี้ โนนี่ มาดูเอเก้ ดูเหมือนจะเป็นผู้เล่นที่ทำได้ดีที่สุดในบทบาทนี้
อังกฤษเผชิญกับปัญหาในการจัดผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามพร้อมกันมาอย่างยาวนาน แต่ทูเคิลได้แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่ถูกต้องด้วยการเลือกผู้เล่นที่เหมาะสมกับแท็กติกของเขา ไม่ใช่แค่เลือกผู้เล่นที่มีชื่อเสียงเท่านั้น
การเลือกใช้ แอนเดอร์สัน, มาดูเอเก้ และ กอร์ดอน ที่มีสไตล์การเล่นที่สอดคล้องกับเคนและระบบของทีม แสดงให้เห็นว่าทูเคิลให้ความสำคัญกับความลงตัวของทีมมากกว่าชื่อเสียงของผู้เล่น และยังใช้ประโยชน์จากการที่ผู้เล่นบางคนมาจากสโมสรเดียวกัน เช่น ติโน ลิฟราเมนโต้ กับ แอนโธนี่ กอร์ดอน จากนิวคาสเซิล และ รีซ เจมส์ กับ โนนี่ มาดูเอเก้ อดีตเพื่อนร่วมทีมเชลซี ซึ่งช่วยให้การประสานงานภายในทีมเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น
แม้จะเน้นเกมรุก แต่ทูเคิลก็ไม่ละเลยในเรื่องของลูกตั้งเตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทุ่มไกล ซึ่งเป็นแท็กติกที่เขาให้ความสำคัญอย่างมาก นอกจากนี้ ลูกเตะมุมและฟรีคิกก็ถูกซ้อมมาเป็นอย่างดี โดยในเกมกับเซอร์เบีย ลูกเตะมุมที่วางแผนมาอย่างยอดเยี่ยมช่วยให้ทีมได้ประตูขึ้นนำ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของเกมเลยทีเดียว
เนื่องจากอังกฤษครองบอลเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เรายังไม่เห็นว่าเกมรับของทูเคิลจะแข็งแกร่งแค่ไหนเมื่อต้องเจอกับการเข้าทำที่ต่อเนื่องของคู่แข่ง โดยจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดในเกมที่แพ้เซเนกัล คือการที่แผงหลังถูกเจาะจากการจ่ายบอลขึ้นหน้าเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่แข่งที่เล่นเกมรุกได้ดีกว่าอาจนำไปใช้ได้ในอนาคต
.
โดยสรุปแล้ว แม้จะยังไม่ทราบว่าอังกฤษจะรับมือกับทีมที่เน้นการครองบอลได้ดีแค่ไหน แต่ทีมของทูเคิลก็มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งอย่างมาก เขาสามารถผสมผสานผู้เล่นที่มีอยู่ได้อย่างลงตัว โดยเน้นการใช้ประโยชน์จากความสามารถของผู้เล่นแต่ละคน และสร้างสมดุลให้กับทีม รวมถึงกล้าที่จะเสี่ยงและเน้นเกมรุกมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่อังกฤษในยุคก่อนๆ ขาดหายไป
หากเขาสามารถปรับจูนผู้เล่นตัวหลักที่ยังบาดเจ็บให้เข้ากับระบบของทีมได้ อังกฤษชุดนี้ก็มีศักยภาพที่จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลกที่จะถึงนี้ได้อย่างแน่นอน
--------------------