
การแข่งขันฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 กำลังจะระอุขึ้นอีกครั้งในคืนวันพุธนี้ เวลา 02.00 น. เมื่อสองมหาอำนาจแห่งยุโรปอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (เปแอสเช) และ เรอัล มาดริด จะโคจรมาพบกันในศึกรอบรองชนะเลิศคู่ที่สอง ณ นิวเจอร์ซีย์ โดยผู้ชนะจะได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ เชลซี
ทั้งสองสโมสรต่างก็เอาชนะยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีในรอบก่อนรองชนะเลิศมาได้ และนี่คือการเผชิญหน้ากันของแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกสองสมัยล่าสุด
หลังจากพลาดท่าเสมอโบตาโฟโก้ในรอบแบ่งกลุ่ม เปแอสเชก็ทำผลงานได้อย่างสมบูรณ์แบบในสามนัดที่ผ่านมา รวมถึงการเอาชนะอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดอย่างบาเยิร์น มิวนิค ในรอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
แม้จะเหลือผู้เล่นเพียง 9 คนในช่วงท้ายเกม แต่ลูกทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ก็ยังสามารถทำประตูที่สองและคว้าชัยชนะเหนือแชมป์บุนเดสลีกาไปได้ 2-0 ซึ่งเป็นการชนะ 3 นัดติดต่อกันพร้อมกับรักษาคลีนชีตได้ทั้งหมด
เกมแรกของเปแอสเชในรายการนี้เป็นการพบกับทีมจากมาดริดอย่างแอตเลติโก มาดริด ซึ่งพวกเขาถล่มไปถึง 4-0 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำประตูที่สูงลิ่ว และพวกเขายังคงอยู่ในฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม โดยทำไปแล้วถึง 164 ประตูในทุกรายการ
หลุยส์ เอ็นริเก้ ผู้จัดการทีมเปแอสเช เคยคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้วกับบาร์เซโลนาในปี 2015 และในฐานะกุนซือของเปแอสเชในปัจจุบัน ทีมของเขาก็ถูกยกให้เป็นทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ในอีกสิบปีต่อมา
สิ่งที่ขวางทางเปแอสเชในคืนวันพุธนี้ คือสโมสรที่มักจะเป็นคู่ปรับที่น่ากลัวของพวกเขาในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกตลอดทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2022 ที่เรอัล มาดริด พลิกกลับมาจากที่ตามหลัง 0-2 ในสกอร์รวม เพื่อเขี่ยเปแอสเชตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด ในตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยมี ชาบี อลอนโซ่ เข้ามาแทนที่ คาร์โล อันเชล็อตติ แต่ผลงานของ "ราชันชุดขาว" ก็ยังคงยอดเยี่ยม พวกเขายังไม่แพ้ใครในรายการนี้
นอกจากการเสมออัล ฮิลาลในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม เรอัล มาดริดก็ชนะอีกสี่นัดที่เหลือในคลับ เวิลด์ คัพ โดยคว้าแชมป์กลุ่มได้จากการเอาชนะปาชูก้าและเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก
การอยู่ในสายที่ยากกว่า ทำให้เรอัล มาดริดต้องพบกับยูเวนตุสและโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งพวกเขาก็สามารถผ่านไปได้ แม้จะเจอสถานการณ์ที่น่าหวาดเสียวในเกมกับ "เสือเหลือง"
ในรอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อวันเสาร์กับดอร์ทมุนด์ เกมดูเหมือนจะจบลงด้วยชัยชนะที่ง่ายดายสำหรับลูกทีมของ อลอนโซ่ เมื่อนำ 2-0 จนเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และดูเหมือนจะปลอดภัยหลังจาก คีเลียน เอ็มบัปเป้ ยิงจักรยานอากาศสุดสวยตอบโต้ประตูของ มักซิมิเลียน เบเยอร์ ที่ทำให้ดอร์ทมุนด์กลับมามีลุ้น
แต่ทว่า ดีน เฮาจ์เซน ไปทำฟาวล์ในเขตโทษ ทำให้ถูกใบแดงไล่ออก และ แซร์อู กีราสซี ยิงจุดโทษตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ จะถูก ติโบต์ กูร์กตัวส์ เซฟลูกยิงสุดสวยในนาทีที่ 99 ซึ่งหากเข้าประตูไปจะทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษ
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าเรอัล มาดริดยังคงมีช่องโหว่ และพวกเขาจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงยิ่งขึ้นในการพบกับแชมป์ยุโรปอย่างเปแอสเชในเกมนี้
เปแอสเชจะไม่มี วิลเลียน ปาโช และ ลูกาส์ แอร์กน็องเดซ ในรอบรองชนะเลิศ เนื่องจากทั้งคู่ถูกใบแดงในเกมกับบาเยิร์น ทำให้ ลูคัส เบรัลโด้ น่าจะได้ลงสนามในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก
อุสมาน เดมเบเล่ เป็นผู้เล่นตัวจริงอีกคนที่อาจพลาดลงสนาม แม้เขาจะลงเล่นเป็นตัวสำรองในรอบน็อกเอาต์มาแล้ว 2 นัด หลังหายจากอาการบาดเจ็บ
อัชราฟ ฮาคิมี่ อดีตแบ็กขวาของเรอัล มาดริด คือผู้เล่นที่น่าจับตา เนื่องจากเขามีส่วนร่วมกับการทำประตูหรือแอสซิสต์ใน 3 นัดหลังสุดของคลับ เวิลด์ คัพ โดยทำแอสซิสต์ในเกมกับบาเยิร์น และยิงประตูได้ในสองเกมก่อนหน้า
เรอัล มาดริดก็จะไม่มีกองหลังตัวกลางคนสำคัญเช่นกัน หลัง ดีน เฮาจ์เซน นักเตะใหม่ได้รับใบแดงในรอบก่อนรองชนะเลิศกับดอร์ทมุนด์
คาดว่า ราอูล อเซนซิโอ น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรก นับตั้งแต่ถูกใบแดงในเกมกับปาชูก้าในรอบแบ่งกลุ่ม แม้ว่า เอแดร์ มิลิเตา จะหายจากอาการบาดเจ็บ ACL แล้วก็ตาม
ม้านั่งสำรองของอลอนโซ่ในเกมกับดอร์ทมุนด์เต็มไปด้วยผู้เล่นแนวรุกพรสวรรค์อย่าง เอ็มบัปเป้, โรดรีโก้ และ บราฮิม ดิอาซ แต่ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่ กอนซาโล่ การ์เซีย ดาวรุ่งที่ทำไปแล้ว 4 ประตูในรายการนี้
นี่คือการปะทะกันของสองทีมที่เต็มไปด้วยผู้เล่นระดับโลกและมีสไตล์การเล่นที่ดุดัน เปแอสเชมาพร้อมกับเกมรุกที่จัดจ้านและฟอร์มที่คงเส้นคงวา ขณะที่เรอัล มาดริดแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และมีผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในทุกเมื่อ
เกมนี้จะเป็นการวัดกึ๋นของ หลุยส์ เอ็นริเก้ และ ชาบี อลอนโซ่ ในการวางแผนและแก้เกม โดยมีเดิมพันคือตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025