ความแห้งแล้งของโทรฟี่ของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว
"ไก่เดือยทอง" เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา คว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกในรอบกว่า 40 ปี และถือเป็นแชมป์รายการใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่ถ้วยลีกคัพปี 2008
ประตูชัยเกิดขึ้นช่วงท้ายครึ่งแรกจากจังหวะที่ ป๊าป ซาร์ เปิดบอลเข้ากลาง บอลแฉลบ ลุค ชอว์ ก่อนมาเข้าทาง เบรนแนน จอห์นสัน ที่ตามซ้ำจ่อ ๆ ส่งบอลค่อย ๆ ไหลข้ามเส้นไปแบบเฉือนใจ
“นี่แหละคือสิ่งที่เราฝันถึง” จอห์นสันให้สัมภาษณ์หลังเกม “สโมสรนี้ไม่ได้แชมป์มา 17 ปี ทุกคนพูดถึงเราว่าเป็นทีมที่ดีแต่ไม่เคยคว้าโทรฟี่ได้ วันนี้เราทำได้แล้ว”
ชัยชนะนี้ไม่เพียงยุติการรอคอยแชมป์ แต่ยังการันตีพื้นที่ไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้าให้กับทีมของกุนซือ อันเก้ ปอสเตโคกลู ซึ่งต้องเผชิญฤดูกาลอันยากลำบากในพรีเมียร์ลีก
สเปอร์สจบเส้นทางในยูโรปาลีกฤดูกาลนี้ด้วยผลงาน 10 ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ โดยเกมนัดชิงที่บิลเบาถือเป็นชัยชนะนัดที่ 98 ของพวกเขาในรายการยูฟ่า คัพ/ยูโรปาลีก ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เหนือโรมาที่มี 97 นัด
ด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเผชิญวิกฤตภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม โดยพวกเขาจบอันดับ 16 ในพรีเมียร์ลีก และจะไม่มีโปรแกรมยุโรปในฤดูกาลหน้า
“คืนนี้ยังไม่ถึงเวลาพูดถึงอนาคต เราต้องยอมรับความเจ็บปวดจากความพ่ายแพ้นี้” อโมริมกล่าว “เราเล่นได้ดีกว่า พยายามทุกอย่างแล้ว แต่ฟุตบอลมันก็แบบนี้”
ช่วงครึ่งหลัง ยูไนเต็ดพยายามเร่งเกมหวังตีเสมอ ราสมุส ฮอยลุนด์ ได้โอกาสโหม่งแต่โดน มิกกี้ ฟาน เดอ เฟน เคลียร์จากเส้นอย่างเหลือเชื่อ ในนาที 68 ขณะที่ช่วงทดเวลา ลุค ชอว์ ก็โขกเต็มศีรษะให้ผู้รักษาประตู กูเยลโม วิคาริโอ โชว์เซฟสุดเหนียว
“ผมยังแทบไม่อยากเชื่อว่าเราทำสำเร็จ มันเหลือเชื่อจริง ๆ” วิคาริโอกล่าว “เราสร้างประวัติศาสตร์ในปี 2025 ทีมชุดนี้เขียนประวัติศาสตร์ใหม่ เรารู้ก่อนเกมแล้วว่าเราต้องใช้พลังของทุกคน และเราทำได้จริง”
ก่อนหน้านี้ สเปอร์สเคยเข้าชิงถ้วยยุโรปครั้งล่าสุดในปี 2019 แต่พ่ายลิเวอร์พูลในนัดชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และนี่คือโทรฟี่ยุโรปใบแรกของพวกเขานับตั้งแต่แชมป์ยูฟ่า คัพ ปี 1984
บรรยากาศที่สนามซาน มาเมส ในบิลเบา มีแฟนบอลราว 50,000 คนเข้าชมเกม โดยแม้จะมีการปะทะเล็กน้อยระหว่างแฟนบอลทั้งสองทีมก่อนเกม แต่โดยรวมก็เป็นไปอย่างสงบ
ด้าน ยูไนเต็ด ได้แชมป์ยุโรปหนล่าสุดในปี 2017 ยุคโชเซ่ มูรินโญ่ และแพ้ในนัดชิงยูโรปาลีกเมื่อปี 2021 ให้กับบียาร์เรอัล พวกเขาแพ้ให้สเปอร์สทั้ง 4 นัดในฤดูกาลนี้ และไม่ชนะสเปอร์สเลยตลอด 7 นัดหลังสุด
ด้าน ซน ฮึง-มิน กองหน้าชาวเกาหลีใต้ที่ลงมาเป็นตัวสำรองในนาที 67 ก็สามารถยุติการรอคอยแชมป์ในชีวิตค้าแข้งได้สำเร็จ โดยเขาเป็นคนชูโทรฟี่ในพิธีมอบรางวัลหลังจบเกม