การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024/25 เดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้าย ล่าสุดได้มีการประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปี หรือ“EA SPORTS Player of the Season” โดยมี 8 แข้งฟอร์มร้อนแรงที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรตินี้
แชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างลิเวอร์พูลส่งเข้าชิงถึง 3 คน ได้แก่ ไรอัน กราเฟนแบร์ก, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และเฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ร่วมด้วย มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ และคริส วู้ด จากน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, อเล็กซานเดอร์ อิซัค จากนิวคาสเซิล, ไบรอัน เอ็มเบอโม่ จากเบรนท์ฟอร์ด และดีแคลน ไรซ์ จากอาร์เซน่อล
แฟนบอลสามารถร่วมโหวตให้ผู้เล่นที่คุณชื่นชอบได้ทางเว็บไซต์ของ EA SPORTS จนถึงวันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม เวลา 18.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) โดยผลโหวตจากแฟนบอลจะถูกรวมเข้ากับคะแนนจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ก่อนจะประกาศผู้ชนะภายในสัปดาห์หน้า
ซูเปอร์สตาร์ชาวอียิปต์ระเบิดฟอร์มสุดยอด ยิงไป 28 ประตู และทำ 18 แอสซิสต์ รวม 46 ประตูที่มีส่วนร่วม มากที่สุดในลีกฤดูกาลนี้ ขอเพียงแค่มีส่วนร่วมอีก 1 ประตู ก็จะทาบสถิติสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลเดียวที่ อลัน เชียเรอร์ และ แอนดี้ โคล เคยทำไว้ (ในยุคแข่ง 42 นัด)
ห้องเครื่องดัตช์วัย 22 ปี กลายเป็นหัวใจในแดนกลางของแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ เขาเป็นผู้เล่นที่แย่งบอลคืนได้มากที่สุดในทีม (185 ครั้ง) และยังทำได้ 67 แท็คเกิล 57 ตัดบอล 4 แอสซิสต์ พร้อมมีชื่อเข้าชิงทั้งรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมและดาวรุ่งยอดเยี่ยมในปีเดียว
กัปตันทีมที่พาหงส์แดงคว้าแชมป์ลีก พร้อมสร้างสถิติใหม่ในฐานะกัปตันทีมชาวดัตช์คนแรกที่นำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เขาลงเล่นครบ 36 นัด ทำได้ 3 ประตู และมีส่วนร่วมกับ 14 คลีนชีต มากที่สุดในลีก รวมถึงสถิติส่วนตัวที่ชนะการดวล 162 ครั้ง เคลียร์บอล 184 ครั้ง และจ่ายบอลมากที่สุดในลีก (2,814 ครั้ง)
หัวหอกชาวสวีเดนทำไป 23 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ มีส่วนร่วมกับ 29 ประตู มากเป็นอันดับ 2 ของลีก นอกจากนี้ยังยิงประตูในนัดชิงคาราบาวคัพ ช่วยพานิวคาสเซิลคว้าแชมป์แรกในรอบ 56 ปี
แข้งทีมชาติแคเมอรูนทำไป 18 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ รวม 25 ประตูที่มีส่วนร่วม เป็นอันดับ 3 ของลีก และยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะคนแรกของเบรนท์ฟอร์ดที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนี้
มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษยกระดับการเล่นของตัวเองอย่างเห็นได้ชัดในสีเสื้ออาร์เซน่อล ยิงไป 3 ประตู จ่าย 7 แอสซิสต์ และมีสถิติสร้างโอกาส 56 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทีม เขามีบทบาทสำคัญทั้งเกมรับและเกมรุกในเส้นทางลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกและเข้าถึงรอบรองฯ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
เพลย์เมกเกอร์วัย 25 ปีคือจุดเปลี่ยนของฟอเรสต์ในฤดูกาลแห่งประวัติศาสตร์ เขาทำ 6 ประตู 8 แอสซิสต์ สร้างโอกาสถึง 50 ครั้ง และมีสถิติชนะการดวลถึง 148 ครั้ง พาทีมคว้าตั๋วฟุตบอลยุโรปครั้งแรกในรอบ 30 ปี
หัวหอกวัย 33 ปีชาวนิวซีแลนด์ทำไป 20 ประตู จากเพียง 63 ครั้งที่ยิง มีอัตราความแม่นยำในการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูสูงที่สุดในลีก (31.75%) และเป็นเพียงคนที่สองในประวัติศาสตร์ของฟอเรสต์ที่ยิงได้ 20 ลูกในฤดูกาลเดียว ต่อจาก สแตน คอลลิมอร์ ในปี 1994/95
มิดฟิลด์วัย 22 ปีคือหัวใจสำคัญในแดนกลางของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ เขาคือผู้เล่นเพียงคนเดียวที่มีชื่อเข้าชิงทั้งรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมและดาวรุ่งยอดเยี่ยม ด้วยผลงานตัดเกมถึง 67 ครั้ง แย่งบอลคืน 185 ครั้ง และทำ 4 แอสซิสต์ ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำผลงานได้คงเส้นคงวามากที่สุดตลอดทั้งฤดูกาล
กองกลางวัย 23 ปี มีส่วนร่วมกับประตูถึง 23 ลูก (ยิง 15 จ่าย 8) พาทีมขึ้นมาอยู่หัวตารางอย่างน่าประทับใจ พาลเมอร์ยังเป็นหนึ่งในผู้สร้างโอกาสมากที่สุดของลีก (85 ครั้ง) เท่ากับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และเพิ่งกลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ยิงได้ 4 ประตูในครึ่งแรกของเกมเดียว
ปีกความเร็วสูงจากสวีเดน สร้างสถิติใหม่กับต้นสังกัดด้วยการทำ 10 แอสซิสต์ ซึ่งมากที่สุดอันดับ 3 ของลีกในฤดูกาลนี้ และกำลังไล่ล่าสถิติสโมสรของ ไบรอัน รอย ที่ทำไว้ในฤดูกาล 1994/95
แม้ทีมจะตกชั้น แต่กองหน้าวัย 22 ปีก็โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ โดยยิงไป 12 จาก 35 ประตูของทีม คิดเป็น 34.3% ของประตูทั้งหมด เป็นสัดส่วนสูงสุดอันดับ 2 ของลีก รองจาก คริส วู้ด
เซ็นเตอร์แบ็กวัย 20 ปีจากเนเธอร์แลนด์ที่เพิ่งย้ายมาจากยูเวนตุส กลายเป็นหัวใจแนวรับของบอร์นมัธ ด้วยความสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว เขามีสถิติเคลียร์บอล 181 ครั้ง และยิง 3 ประตู พาทีมทำแต้มสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรในพรีเมียร์ลีก
ดาวยิงบราซิลเลียนยิงไป 10 ประตู และจ่ายอีก 6 แอสซิสต์ โดยเฉพาะจุดโทษที่ยิงเข้าทั้ง 5 ครั้ง ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีความมั่นใจที่สุดในจังหวะสำคัญ
ดาวรุ่งวัย 22 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลเต็มปีแรกกับวิลล่า ทำไป 8 ประตู 9 แอสซิสต์ และเป็น 1 ใน 16 ผู้เล่นที่ยิงเกิน 50 ครั้งและสร้างโอกาสมากกว่า 50 ครั้ง
กองหลังวัย 24 ปีมีชื่อเข้าชิงรางวัลนี้เป็นปีที่สองติดต่อกัน เขาเป็นกำลังหลักในแนวรับของอาร์เซน่อลที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีก ด้วยผลงาน 12 คลีนชีต และป้องกันการดวลตัวต่อตัวได้ถึง 79.5% โดยไม่เสียฟาวล์
ฤดูกาลแรกกับหงส์แดงก็สร้างประวัติศาสตร์ทันที เมื่อพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยเกมที่เหลือถึง 4 นัด กลายเป็นกุนซือดัตช์คนแรกที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ พร้อมพาทีมกลับมาครองบัลลังก์เทียบเท่าแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยแชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย
กุนซือโปรตุเกสพาทีมพลิกโฉมจากทีมหนีตกชั้นสู่ทีมลุ้นโควตายูฟ่าแชมเปียนส์ลีก พร้อมสร้างประวัติศาสตร์พาฟอเรสต์ไปเล่นฟุตบอลยุโรปในรอบกว่า 30 ปี และคว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนถึง 3 ครั้ง มากที่สุดในฤดูกาล
อีกหนึ่งซีซั่นแห่งความสำเร็จของแฟรงค์ที่พาทีมยิงไปถึง 63 ประตู และมีลุ้นจบอันดับสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร พร้อมโอกาสคว้าตั๋วลุยยุโรปเป็นครั้งแรก
กุนซืออังกฤษพาทีมลุ้นท็อปทู และคว้าแชมป์คาราบาวคัพสำเร็จ ด้วยผลงานชนะถึง 20 นัด ยิงไป 68 ประตู และตั้งเป้าจบอันดับดีที่สุดในรอบกว่า 25 ปี
เข้ามาคุมทีมในช่วงวิกฤตรั้งอันดับ 19 แต่เปเรย์ร่าพาวูล์ฟส์ชนะถึง 10 จาก 18 นัด พาทีมหนีตกชั้นอย่างเหลือเชื่อ และกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลจากความใกล้ชิดกับแฟน ๆ ทั้งในและนอกสนาม