สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ฤดูกาลที่แสนล้มเหลวในพรีเมียร์ลีก อาจจบลงด้วยถ้วยแชมป์ยูโรปาลีก
แม้ว่าทั้งสองทีมจะรั้งอยู่ครึ่งล่างของตารางพรีเมียร์ลีก แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากตั๋วแชมเปียนส์ลีกเพียงแค่หนึ่งนัดเท่านั้น
ยูไนเต็ดเปิดบ้านถล่ม แอธเลติก บิลเบา 4-1 ในรอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง รวมผลสองนัดชนะขาดลอย 7-1 ขณะที่สเปอร์สบุกชนะ โบโด/กลิมท์ 2-0 จบสกอร์รวมที่ 5-1
เป็นครั้งที่สองในรอบ 6 ปีที่รอบชิงยูโรปาลีกจะเป็นศึกทีมจากอังกฤษล้วน หลังจากที่ เชลซี เคยชนะ อาร์เซนอล คว้าแชมป์ในปี 2019
“ถ้าเราไม่ได้แชมป์ มันก็ไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับเรา” รูเบน อโมริม กุนซือยูไนเต็ดกล่าว “การคุมทีมนี้มันบรรยายยากมาก คุณอยากจะมอบอะไรบางอย่างให้แฟนบอล เพราะเราเล่นได้แย่มากในพรีเมียร์ลีก”
ในเกมกับบิลเบา ยูไนเต็ดตกเป็นรองก่อน 0-1 ในครึ่งแรก ก่อนที่ เมสัน เมาท์ จะลงมาพลิกเกมในครึ่งหลัง ยิงสองประตู ขณะที่ กาเซมิโร่ และราสมุส ฮอยลุนด์ ก็ยิงได้คนละลูก
ทางด้านสเปอร์ส โดมินิก โซลันกี้ และเปโดร ปอร์โร ทำคนละประตูในเกมที่นอร์เวย์
รอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นที่เมืองบิลเบา ในวันที่ 21 พฤษภาคม
“รู้สึกเหลือเชื่อมาก” มิกกี้ ฟาน เดอ เฟน กองหลังสเปอร์สกล่าว “เราผ่านฤดูกาลที่ยากลำบากมา แต่ตอนนี้เราห่างจากถ้วยแค่เกมเดียว”
แม้ผลงานในลีกจะน่าผิดหวัง แต่ถ้าได้แชมป์ พร้อมสิทธิ์ไปแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้า ก็เพียงพอจะลบล้างฤดูกาลที่ล้มเหลวนี้ได้
ยูไนเต็ดรั้งอันดับ 15 ของลีก แพ้ไปถึง 16 นัด ขณะที่สเปอร์สอยู่ต่ำกว่ายูไนเต็ดอีกหนึ่งอันดับ แพ้ไป 19 นัด เทียบเท่าสถิติเลวร้ายที่สุดของทีม
แมตช์ชิงนี้จะเป็นการพบกันครั้งที่ 4 ของทั้งสองทีมในฤดูกาลนี้ ซึ่ง 3 นัดก่อนหน้านั้น สเปอร์สชนะรวด ทั้ง 2 นัดในลีก และอีก 1 นัดในคาราบาวคัพ
“เราทั้งคู่ลำบากกันหมด ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” อโมริมกล่าว “มันคือข้อดีและข้อเสียของทีมนี้แหละ ผมไม่เคยเดาอะไรได้เลย”
ชัยชนะเหนือบิลเบาในสองเลกนั้น สวนทางกับฟอร์มโดยรวมของยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ ที่เริ่มต้นด้วยการปลด เอริก เทน ฮาก ในเดือนตุลาคม และแต่งตั้ง อโมริม ที่พาทีมแพ้ไป 12 นัดจาก 24 นัดในลีก
บิลเบา ทีมอันดับ 4 ของลาลีกา พยายามฮึดกลับจากการตามหลัง 0-3 ในเลกแรก และมาได้ประตูสุดสวยจากลูกยิงไกลของ มิเกล เจาเรกิซาร์ นาทีที่ 31
ยูไนเต็ดดูมีอาการลนลาน จนกระทั่ง เมสัน เมาท์ ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 62 ก่อนจะหมุนตัวยิงเรียดเข้าไปอย่างเหนือชั้นในอีก 10 นาทีถัดมา
จากนั้น กาเซมิโร่ โหม่งให้ยูไนเต็ดขึ้นนำในนาทีที่ 79 ก่อนที่ ฮอยลุนด์ จะยิงจ่อๆ นาที 85 และปิดท้ายด้วยลูกยิงสุดเหนือของเมาท์จากครึ่งสนามในช่วงทดเจ็บ
นี่คือการเข้าชิงยูโรปาลีกครั้งที่ 3 ในรอบ 8 ปีของยูไนเต็ด โดยพวกเขาเคยคว้าแชมป์ในปี 2017
ยูไนเต็ดยังคว้าเอฟเอคัพในปีที่แล้ว และลีกคัพในปี 2023 หากคว้าแชมป์ปีนี้ จะเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกันที่พวกเขาได้ถ้วย
สำหรับอโมริม นี่อาจเป็นแชมป์แรกกับยูไนเต็ด หลังเคยคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกส 2 สมัยกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน “มันสำคัญมาก” เขากล่าว “สำหรับผม มันสำคัญที่สุด เพราะมันคือนัดถัดไป”
อังเก้ ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมสเปอร์ส เคยพูดว่าเขามักคว้าแชมป์ในปีที่สองกับทุกสโมสร ทั้งที่บริสเบน รอร์, โยโกฮามา เอฟ มารินอส และเซลติก
แม้แฟนสเปอร์สบางส่วนจะไม่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้ โอกาสอยู่แค่เอื้อม
สเปอร์สนำ 3-1 จากเลกแรกกับ โบโด/กลิมท์ ทีมจากนอร์เวย์ที่สร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบรองยุโรปเป็นครั้งแรก แม้เลกสองต้องบุกไปเยือนสนามหญ้าเทียมกลางอาร์กติกเซอร์เคิล แต่ลูกทีมของปอสเตโคกลูก็ไม่พลาด
โซลันกี้ยิงในนาทีที่ 63 และปอร์โรซัดลูกที่สองในอีก 6 นาทีต่อมา ปิดเกมสนิท
สเปอร์สไม่เคยได้ถ้วยใดเลยตั้งแต่คว้าลีกคัพในปี 2008
เชลซีจะพบกับ เรอัล เบติส ในนัดชิงยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก
เชลซีเข้ารอบด้วยการชนะรวม 5-1 เหนือ เยอร์การ์เดน จากสวีเดน โดยนัดที่สองชนะ 1-0 จากประตูของ เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์
ขณะที่ เบติส เสมอกับ ฟิออเรนติน่า 2-2 หลังต่อเวลา รวมชนะไป 4-3