
เลข "5" อาจกลายเป็นเลขสำคัญที่สุดของพรีเมียร์ลีกในสัปดาห์นี้ ไม่ใช่แค่เพราะการแย่งชิงพื้นที่ท็อป 5 กำลังเข้มข้นสุดๆ เท่านั้น แต่แฟนบอลยังสามารถรับชมเกมสำคัญที่อาจพลิกโฉมการลุ้นท็อป 5 ในทุกๆ วันตลอด 5 วันข้างหน้า
คืนนี้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ จะลงเล่นเกมตกค้างกับเบรนท์ฟอร์ด ตามด้วยเกมในคืนวันศุกร์ที่แมนฯ ซิตี้จะเปิดบ้านรับมือวูล์ฟส์ ซึ่งฟอร์มร้อนแรงสุดๆ จากนั้นวันเสาร์ แอสตัน วิลล่าจะพบฟูแล่ม ขณะที่นิวคาสเซิลต้องเดินทางไกลไปเยือนไบรท์ตัน ก่อนจะจบสุดสัปดาห์ด้วยเกมใหญ่ในวันอาทิตย์ เมื่อเชลซีเปิดบ้านรับลิเวอร์พูล แชมป์ลีกที่เพิ่งคว้าถ้วยไปครอง และปิดท้ายในคืนวันจันทร์ ฟอเรสต์มีโปรแกรมเยือนคริสตัล พาเลซ
ทีมของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต เคยรั้งอันดับ 3 แต่ปัจจุบันร่วงลงมาอยู่ที่ 6 อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาเอาชนะเบรนท์ฟอร์ดได้ในเกมตกค้าง จะขยับกลับขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ทันที ขณะที่แอสตัน วิลล่าเริ่มหมดหวัง เนื่องจากตามหลังเชลซี (อันดับ 5) อยู่ 3 แต้ม และมีผลต่างประตูได้เสียที่แย่กว่า ประตูช่วงทดเวลาที่โดนแมนฯ ซิตี้ยิงใส่เมื่อสัปดาห์ก่อน อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาล
จากการวิเคราะห์ของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Opta ปัจจุบันแมนฯ ซิตี้, นิวคาสเซิล และฟอเรสต์ มีโอกาสสูงที่สุดในการจบอันดับ 3-5 และคว้าตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า ขณะที่โอกาสของวิลล่าที่จะจบเพียงอันดับ 7 นั้นสูงถึง 58.1% ซึ่งถึงจะได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรป แต่ก็ไม่ใช่เวทีใหญ่ที่พวกเขาทำผลงานได้น่าประทับใจในปีนี้
จากโปรแกรมที่เหลือ แมนฯ ซิตี้ดูจะมีเส้นทางที่ง่ายที่สุด แม้เกมกับวูล์ฟส์จะไม่ง่ายเหมือนเดิม ส่วนเชลซีและนิวคาสเซิลเจอโปรแกรมโหด โดยเฉพาะเกมนัดสุดท้ายที่เชลซีต้องไปเยือนฟอเรสต์ ซึ่งอาจกลายเป็นแมตช์ตัดสินทุกอย่าง
แล้วสถานการณ์ของแต่ละทีมตอนนี้เป็นอย่างไร?
“สาลิกาดง” ยังคงเกาะกลุ่มได้เหนียวแน่น แม้จะมีสะดุดบ้าง หากแพ้ต่ออิปสวิชเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว อาจเจอแรงกดดันหนัก แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังคว้าชัยได้
นับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม ไม่มีทีมไหนในพรีเมียร์ลีกที่ชนะมากกว่านิวคาสเซิล (14 นัดเท่ากับลิเวอร์พูล) พวกเขากลับมารั้งอันดับ 3 อีกครั้ง แม้จะมีแต้มเหนือวิลล่าแค่ 5 แต้ม และนำฟอเรสต์แค่ 2 แต้มเท่านั้น ขณะที่ฟอเรสต์ยังมีเกมตกค้างในมือ
โปรแกรมที่เหลือของนิวคาสเซิลไม่ง่าย โดยเฉพาะเกมถัดไปที่จะเจอไบรท์ตัน ทีมที่พวกเขาไม่เคยบุกไปชนะในพรีเมียร์ลีกเลย และยังแพ้ให้กับไบรท์ตันมาแล้วถึง 2 ครั้งในฤดูกาลนี้
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงฤดูหนาว ซิตี้กลับมาโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง ชนะเอฟเวอร์ตัน, แอสตัน วิลล่า และฟอเรสต์ในเอฟเอคัพ ภายในเวลาแปดวัน
ฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังมีช่วงเล่นไม่ค่อยลื่น แต่ทีมกลับมามีเสถียรภาพเหมือนเดิม เกมกับวูล์ฟส์ในคืนวันศุกร์อาจยากกว่าที่คิด เพราะวูล์ฟส์กำลังฟอร์มดี แต่ชัยชนะจะเพิ่มแรงกดดันให้ทีมอื่นๆ อย่างมหาศาล
ตอนนี้คือช่วงชี้เป็นชี้ตายของลูกทีมเอนโซ่ มาเรสก้า พวกเขาผ่านฟูแล่มและเอฟเวอร์ตันมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เกมใหญ่สุดรออยู่ในวันอาทิตย์ เมื่อจะเจอลิเวอร์พูลที่คว้าแชมป์แล้ว และน่าจะได้รับเกียรติ guard of honour จากเจ้าถิ่น
เชลซีเก็บคลีนชีตได้ถึง 4 จาก 7 นัดหลังสุด เกมรับดูดีขึ้น แต่เกมรุกยังน่าห่วง โคล พาลเมอร์ยังเล่นไม่เข้าฟอร์ม และการพึ่งพา นิโกลัส แจ็คสัน ดูไม่มั่นคงนัก
ถ้าชนะลิเวอร์พูลได้ พวกเขาจะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมก่อนเกมนัดสำคัญกับนิวคาสเซิลและฟอเรสต์ แต่หากพลาดแต้ม ความหวังไป UCL จะริบหรี่ลงทันที
มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ บอกไว้ว่า “เหลืออีก 5 นัดเหมือนเล่นนัดชิงบอลถ้วย” สำหรับฟอเรสต์ และนั่นอาจไม่เกินจริงเลย
แม้จะพลาดในเอฟเอคัพกับแมนฯ ซิตี้ แต่ชัยชนะเหนือสเปอร์สในลีกนัดล่าสุดช่วยเติมพลังใจได้มาก หากพวกเขาชนะเบรนท์ฟอร์ดคืนนี้ จะขยับขึ้นที่ 3 ทันที
เกมที่เหลือยังมีถึง 3 นัดในบ้าน ซึ่งฟอเรสต์มักทำได้ดี พวกเขายังถือไพ่เหนือกว่าคู่แข่ง เพราะชะตากรรมยังอยู่ในมือของตัวเอง
จากที่เคยเป็นทีมลุ้นแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างเต็มตัว ตอนนี้ความหวังของวิลล่าเริ่มริบหรี่ พวกเขาแพ้แมนฯ ซิตี้แบบเจ็บปวดในช่วงทดเวลา ก่อนจะโดนพาเลซถล่มแบบไม่มีทางสู้ 3-0
อูไน เอเมรี่ เริ่มถูกตั้งคำถามเรื่องแท็กติกที่ดูเน้นตั้งรับเกินไป แม้เจ้าตัวจะบอกว่าขอโฟกัสกับลีกเต็มที่หลังตกรอบเอฟเอคัพ
ปัจจุบันวิลล่าอยู่อันดับ 7 ตามหลังเชลซี 3 แต้ม เหลืออีก 4 นัดในลีกที่ต้องชนะรวดเท่านั้น หากหวังไป UCL โปรแกรมก็ไม่ง่าย เพราะต้องเจอฟูแล่มและบอร์นมัธที่เล่นบอลสไตล์กดดันสูง ซึ่งเป็นจุดอ่อนของวิลล่าในช่วงหลัง