svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"เซอร์จิม" สับแข้ง "แมนยู" ค่าเหนื่อยเกินฝีเท้า พร้อมเผยปัญหาและแผนในอนาคต

มีแข้งที่ค่าเหนื่อยเกินฝีเท้า, ปัญหาการเงินรุมเร้า, ต่อสัญญา เทน ฮาก คือความผิดพลาด, ตั้งเป้าคว้าแชมป์ลีกใน 3 ปี ฯลฯ เปิดบทสัมภาษณ์ "เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์" เจ้าของร่วม แมนฯ ยูไนเต็ด

เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างความสั่นสะเทือนอีกครั้ง ด้วยการให้สัมภาษณ์กับ BBC Sport โดยระบุชัดเจนว่า นักเตะบางคนในทีม "ไม่ดีพอ" และบางคน "ได้รับค่าจ้างสูงเกินไป"

มิดฟิลด์ คาเซมิโร่, กองหน้า ราสมุส ฮอยลุนด์, ผู้รักษาประตู อ็องเดร โอนานา รวมถึงปีกอย่าง อันโตนี และ เจดอน ซานโช ซึ่งปัจจุบันถูกปล่อยยืม ถูกกล่าวถึงโดยมหาเศรษฐีรายนี้ โดยเขาระบุว่าผู้เล่นเหล่านี้เป็นนักเตะที่เขา "ได้รับมรดก" มาจากการบริหารงานก่อนหน้า

นอกจากนี้ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ยังกล่าวถึงปัญหาที่ทีมกำลังเผชิญอยู่ โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 14 ในพรีเมียร์ลีก แต่เขายังให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำความสำเร็จกลับมาสู่สโมสรภายในปี 2028

หลังจากที่แฟนบอลประท้วงการบริหารงานของสโมสร เขายอมรับว่าสโมสรมีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น สโมสรอาจขาดสภาพคล่องภายในสิ้นปีนี้

และนี่คือหลากหลายประเด็นที่ "เซอร์จิม" พูดถึง

"เซอร์จิม" สับแข้ง "แมนยู" ค่าเหนื่อยเกินฝีเท้า พร้อมเผยปัญหาและแผนในอนาคต

"นักเตะบางคนไม่ดีพอ และค่าจ้างแพงเกินไป"

เซอร์จิม เผยว่าสโมสรยังต้องจ่ายค่าตัวของนักเตะบางรายที่เซ็นสัญญาก่อนที่เขาจะเข้ามาบริหาร เช่น เจดอน ซานโช ซึ่งสโมสรยังคงต้องจ่ายอีก 17 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์นี้ แม้ว่านักเตะจะถูกปล่อยให้เชลซียืมตัวก็ตาม

"หากดูจากการซื้อนักเตะในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เราไม่ได้เป็นคนซื้อพวกเขา แต่เราต้องจ่ายค่าตัวของอันโตนี, คาเซมิโร่, โอนานา, ฮอยลุนด์ และซานโช ซึ่งเป็นภาระจากอดีต และเราต้องหาทางจัดการกับมัน"

"มีนักเตะบางคนที่ไม่ดีพอสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และบางคนได้รับค่าจ้างสูงเกินไป"

"เซอร์จิม" สับแข้ง "แมนยู" ค่าเหนื่อยเกินฝีเท้า พร้อมเผยปัญหาและแผนในอนาคต

การสนับสนุน รูเบน อโมริม

เซอร์จิม ยังแสดงความเชื่อมั่นในตัว รูเบน อโมริม เฮดโค้ชคนใหม่ โดยระบุว่าเขาจะอยู่กับทีมไปอีกนาน แม้ว่าผลงานของทีมยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก

"ผมคิดว่าเขาเป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม และเราจะได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของเขาในเร็ว ๆ นี้"

เขายังกล่าวถึงการปล่อย มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกจากทีมไปอยู่กับแอสตัน วิลลา แบบยืมตัว โดยบอกว่านี่เป็นการตัดสินใจของอโมริมเองที่ต้องการสร้างทีมที่เต็มไปด้วยผู้เล่นที่มีความมุ่งมั่น

"เซอร์จิม" สับแข้ง "แมนยู" ค่าเหนื่อยเกินฝีเท้า พร้อมเผยปัญหาและแผนในอนาคต

ปัญหาทางการเงินของสโมสร

เซอร์จิม ยอมรับว่าสถานะทางการเงินของสโมสรอยู่ในจุดที่ย่ำแย่ และหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง สโมสรจะหมดเงินภายในคริสต์มาสปี 2025 แม้ว่าเขาจะอัดฉีดเงินเข้าไป 300 ล้านดอลลาร์แล้วก็ตาม

"หากเราไม่ทำอะไรเลย สโมสรจะหมดเงินภายในสิ้นปีนี้ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องปรับโครงสร้างการเงินใหม่ทั้งหมด"

"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้จ่ายเงินมากกว่าที่ได้รับมาเป็นเวลา 7 ฤดูกาลติดต่อกัน ซึ่งหากดำเนินต่อไปก็จะเป็นหายนะ"

"เซอร์จิม" สับแข้ง "แมนยู" ค่าเหนื่อยเกินฝีเท้า พร้อมเผยปัญหาและแผนในอนาคต

แผนการพาสโมสรกลับสู่ความยิ่งใหญ่

แม้ว่า เซอร์จิม จะเชื่อว่าทีมกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่เขาก็ยอมรับว่ามีบางการตัดสินใจที่ไม่เป็นไปตามแผน

“เราไม่ได้สมบูรณ์แบบ เรากำลังอยู่ในเส้นทางแห่งการพัฒนา และก็มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างทางบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่เราทำล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับสโมสร” เขากล่าว

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือการแต่งตั้ง แดน แอชเวิร์ธ เป็นผู้อำนวยการกีฬาซึ่งอยู่ในตำแหน่งเพียง 5 เดือนก่อนจะอำลาสโมสร ซึ่งเซอร์จิ เผยว่าสาเหตุหลักมาจาก "เคมี" ที่ไม่เข้ากันระหว่างทั้งสองฝ่าย

อีกหนึ่งความผิดพลาดคือการให้การสนับสนุน เอริค เทน ฮาก ในช่วงซัมเมอร์ แต่สุดท้ายกลับต้องแยกทางกับกุนซือชาวดัตช์เพียงไม่กี่เดือนต่อมา ซึ่งทำให้สโมสรต้องจ่ายค่าชดเชยราว 20 ล้านปอนด์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดึงตัว รูเบน อโมริม เข้ามาแทนที่

"ผมยอมรับว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับ เอริค เทน ฮาก และ แดน แอชเวิร์ธ เป็นความผิดพลาด แม้ว่าจะมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นความผิดพลาด และผมขอรับผิดชอบและขอโทษสำหรับเรื่องนี้"

เซอร์จิม อธิบายเพิ่มเติมว่า ตอนที่ตัดสินใจสนับสนุน เทน ฮาก นั้น ทีมบริหารใหม่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน จึงเป็นเรื่องยากที่จะประเมินผลงานของเขาภายใต้การบริหารชุดเก่า

"สามเดือนให้หลัง ทุกอย่างชัดเจนขึ้น และเราก็ยอมรับว่าตัดสินใจผิดพลาด แต่เราก้าวต่อไป และผมคิดว่าเราปรับแก้ได้แล้ว วันนี้สโมสรอยู่ในจุดที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง"

เขายังคงมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างภายในสโมสรจะช่วยให้ทีมเดินหน้าสู่เป้าหมาย โดยเป้าหมายสูงสุดของเขาคือการพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ภายในปี 2028 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 150 ปีของสโมสร

"ผมคิดว่าเราสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกภายใน 3 ปีได้ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้"

"สโมสรจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลในอีก 3 ปีข้างหน้า และผมเชื่อว่าเราจะกลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง"