
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า (FIFA) กำลังพิจารณาแผนการเพิ่มจำนวนทีมในฟุตบอลโลก 2030 เป็น 64 ทีม ซึ่งจะเป็นการขยายขนาดการแข่งขันเป็นครั้งพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบศตวรรษของทัวร์นาเมนต์นี้ จากการเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ข้อเสนอนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาในช่วงท้ายของการประชุมคณะกรรมการฟีฟ่าเมื่อวันพุธ โดยอาจทำให้การแข่งขันซึ่งมีความซับซ้อนอยู่แล้ว (เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในสามทวีป) ยิ่งยุ่งยากมากขึ้น
ฟุตบอลโลกถือเป็นทัวร์นาเมนต์กีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก และสร้างรายได้มหาศาลให้กับฟีฟ่า แต่นั่นก็ทำให้การแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าภาพกลายเป็นประเด็นร้อน และในอดีตก็มีข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตเกิดขึ้นหลายครั้ง
ฟีฟ่ายังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากองค์กรด้านธรรมาภิบาล หลังมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์เพื่อเปิดทางให้ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 โดยไม่มีคู่แข่งแย่งสิทธิ์
จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า เคยขยายจำนวนทีมในฟุตบอลโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยเพิ่มจาก 32 ทีมเป็น 48 ทีม ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2026 โดยการแข่งขันครั้งนั้นจะจัดขึ้นในสหรัฐฯ เป็นหลัก พร้อมกับมีบางแมตช์ที่เม็กซิโกและแคนาดา
จากข้อมูลของแหล่งข่าวสี่ราย ข้อเสนอเพิ่มทีมเป็น 64 ทีมถูกหยิบยกขึ้นมาระหว่างหัวข้อ “เรื่องอื่นๆ” ในวาระประชุม โดย อิกนาซิโอ อลอนโซ ตัวแทนจากอุรุกวัย เป็นผู้เสนอแนวคิดนี้
บรรยากาศในการประชุมเงียบงันหลังข้อเสนอนี้ถูกประกาศ และมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับเสียงคัดค้านอย่างหนัก แต่หลายฝ่ายมองว่าฟีฟ่าน่าจะพิจารณาปัจจัยด้านการเงินและการเมืองเป็นหลัก มากกว่าความเหมาะสมในเชิงกีฬา
หากฟุตบอลโลกเพิ่มเป็น 64 ทีม อาจทำให้การแข่งขันรอบคัดเลือกของแต่ละทวีปหมดความหมาย โดยเฉพาะในอเมริกาใต้ ที่ปัจจุบันมีโควตาถึง 7 จาก 10 ทีมอยู่แล้ว สำหรับฟุตบอลโลก 2026
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องปฏิทินการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 32 ทีมในปัจจุบันใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน ขณะที่ฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งมี 48 ทีม จะมีแมตช์แข่งขันถึง 104 นัด หากเพิ่มเป็น 64 ทีม อาจทำให้ทัวร์นาเมนต์ยืดเยื้อยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานฟีฟ่า อินฟานติโน พยายามเปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลในหลายแง่มุม รวมถึงการเสนอให้ฟุตบอลโลกจัดขึ้นทุก 2 ปี แทนที่จะเป็นทุก 4 ปี แต่แนวคิดดังกล่าวถูกต่อต้านอย่างหนัก โดยเฉพาะจากยุโรป จนต้องพับแผนไป
นอกจากนี้ ฟีฟ่ายังเตรียมจัดโชว์ช่วงพักครึ่งในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก โดยจะร่วมมือกับวง Coldplay เพื่อสร้างบรรยากาศให้คล้ายกับซูเปอร์โบวล์ของ NFL ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ถูกวิจารณ์
อุรุกวัย อาร์เจนตินา และปารากวัย ได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลก 2030 และได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้ายอัตโนมัติ แต่มีเสียงวิจารณ์ว่า ปารากวัย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ (CONMEBOL) ได้สิทธิ์นี้ทั้งที่ไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือกได้ในช่วงหลัง
อินฟานติโนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานฟีฟ่าในปี 2016 หลังเกิดคดีทุจริตครั้งใหญ่ที่ทำให้ผู้นำคนก่อนๆ ต้องหลุดจากตำแหน่ง เขาเข้ามาพร้อมนโยบายแจกจ่ายเงินให้กับสมาชิกฟีฟ่าทั้ง 211 ประเทศ และสัญญาว่าจะขยายขนาดของฟุตบอลโลก
ปัจจุบัน อินฟานติโนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในไมอามี และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเคยกล่าวว่าอินฟานติโนเป็น "ราชาแห่งวงการฟุตบอล"
นอกจากการขยายฟุตบอลโลกในระดับทีมชาติ อินฟานติโนยังสร้างฟุตบอลโลกสำหรับสโมสร ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ที่สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทัวร์นาเมนต์นี้กำลังเผชิญปัญหา ทั้งจากยอดขายตั๋วที่ซบเซา และข้อพิพาทกับลีกฟุตบอลและสหภาพนักเตะในยุโรป