
ดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นที่ ลิเวอร์พูล จะสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 20 เทียบเท่ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้สำเร็จ หลังจากที่พวกเขาทิ้งห่างอันดับสองไปถึง 13 คะแนน ด้วยชัยชนะเหนือ นิวคาสเซิล 2-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
โดมินิค โซโบซไล ยิงประตูขึ้นนำให้ลิเวอร์พูลตั้งแต่นาทีที่ 11 ก่อนที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ จะบวกเพิ่มอีกลูกในช่วงนาทีที่ 63 ทำให้ "หงส์แดง" เก็บชัยชนะเป็นนัดที่ 20 จาก 28 เกมในฤดูกาลนี้
ขณะที่ อาร์เซนอล ทำแต้มหล่นอีกครั้ง หลังทำได้เพียงเสมอกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-0 ท่ามกลางวิกฤตอาการบาดเจ็บของผู้เล่นแนวรุก ซึ่งส่งผลให้พวกเขาทำประตูไม่ได้เป็นครั้งที่สามจากสี่เกมหลังสุด
"เราคุมเกมได้ดี และเป็นฝ่ายครองบอลตลอดทั้งเกม" เลอันโดร ทรอสซาร์ กล่าวหลังเกม "แต่ฟุตบอลตัดสินกันที่การทำประตู เราป้องกันได้ดีแต่ต้องสร้างโอกาสให้มากกว่านี้"
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กลับมาจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าและทำประตูชัยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 1-0 ช่วยให้ทีมกลับขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ของตาราง
ประตูของฮาลันด์ในนาทีที่ 12 ถือเป็นประตูที่ 28 ของเขาในฤดูกาลนี้จากทุกรายการ แม้ว่าโอกาสลุ้นแชมป์ของซิตี้จะเลือนลางไปแล้ว แต่พวกเขายังมีเป้าหมายในการรักษาอันดับเพื่อคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รวมถึงการลุ้นแชมป์เอฟเอ คัพ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องลุ้นเหนื่อยก่อนเฉือนชนะ อิปสวิช 3-2 ในเกมที่พวกเขาต้องเหลือ 10 คนหลังจาก แพทริก ดอร์กู โดนใบแดงในนาทีที่ 43
อิปสวิชทำเซอร์ไพรส์ขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 4 จากประตูของ จาเดน ฟิโลจีน แต่ยูไนเต็ดตีเสมอจากการทำเข้าประตูตัวเองของ แซม มอร์ซี่ ก่อนที่ มัตไธจ์ส เดอ ลิกต์ จะยิงให้เจ้าถิ่นขึ้นนำ ดอร์กูมาโดนไล่ออกก่อนจบครึ่งแรก และ ฟิโลจีน มาทำประตูที่สองของตัวเองให้ทีมเยือนตีเสมอ 2-2 อย่างไรก็ตาม แฮร์รี แม็กไกวร์ โหม่งประตูชัยให้ยูไนเต็ดหลังเริ่มครึ่งหลังไม่นาน
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 14 ของตาราง นำหน้า เอฟเวอร์ตัน ที่เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 1-1