
ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ นัดแรก เมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ก.พ.) คู่เอก บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี บุกไปเยือน กลาสโกว์ เซลติก จากสกอตแลนด์
เกมนี้ "เสือใต้" เกือบเสียประตูตั้งแต่ต้นเกม เมื่อ นิโคลัส คืห์น อดีตผู้เล่นของทีมสำรองบาเยิร์น ซัดด้วยซ้ายโค้งเข้าประตูไป แต่ถูก VAR ริบคืน เนื่องจาก อดัม ไอดาห์ ยืนล้ำหน้าและไปบดบังการมองของ มานูเอล นอยเออร์
เกมดำเนินไปอย่างเชื่องช้าในครึ่งแรกหลังจากช่วงเปิดเกมอันดุเดือด โดยบาเยิร์นครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่ตามคาด แต่กลับไม่สามารถสร้างโอกาสจบสกอร์ที่ชัดเจนได้
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของบาเยิร์นก็ได้รับผลตอบแทนเมื่อ ไมเคิล โอลิเซ ยิงประตูสุดสวยขึ้นนำ ก่อนที่ แฮร์รี เคน จะใช้เวลาไม่นานในการบวกเพิ่มเป็น 2-0 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง แต่แล้วประตูของ ไดเซน มาเอดะ ในนาทีที่ 79 ทำให้ช่วงท้ายเกมเต็มไปด้วยความกดดัน
สุดท้าย บาเยิร์นสามารถรักษาสกอร์ 2-1 เอาไว้ได้ ทำให้พวกเขาถือความได้เปรียบในสกอร์รวมก่อนกลับไปเล่นนัดที่สองที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า สัปดาห์หน้า
การนำ 2-0 ตั้งแต่นาทีที่ 49 ดูเหมือนจะเป็นชัยชนะที่ไม่ยากเย็น แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
หลังจากที่ มาเอดะ โหม่งประตูตีตื้น บาเยิร์นสูญเสียการควบคุมเกมไปโดยสิ้นเชิง เปิดโอกาสให้เซลติกที่ได้แรงสนับสนุนจากแฟนบอลเจ้าถิ่นบุกเข้าใส่
ช่วงท้ายเกม บาเยิร์นดูตื่นตระหนกและขาดความแน่นอน คล้ายกับเหตุการณ์ที่เกือบพังพาบในเกมกับ โฮลสไตน์ คีล เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน นี่เป็นปัญหาที่แฟนบอลไม่อยากเห็นบ่อย ๆ
ตามชื่อชั้นแล้ว บาเยิร์น เหนือกว่า เซลติก อย่างชัดเจน แต่แฟนบอลที่เคยสัมผัสบรรยากาศของ เซลติก พาร์ค ย่อมรู้ดีว่า ที่นี่เป็นสนามที่สร้างแรงกดดันให้กับทีมเยือนได้มหาศาล
โดยเฉพาะในช่วง 10 นาทีสุดท้ายหลังจากประตูของ มาเอดะ มันให้ความรู้สึกเหมือนเซลติกมีผู้เล่นมากกว่า 11 คนในสนาม การสนับสนุนที่ล้นหลามของแฟนบอลเจ้าถิ่นเป็นสิ่งที่แม้แต่ทีมระดับ บาเยิร์น ก็ยังต้องเผชิญกับความลำบาก
ไมเคิล โอลิเซ เทียบชั้นเวิลด์คลาส
นี่อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ฟอร์มของปีกชาวฝรั่งเศสในเกมนี้ โดยเฉพาะประตูสุดสวยของเขา เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าเขาคือนักเตะที่มีคุณภาพ
ที่สำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ลีรอย ซาเน่, คิงส์ลีย์ โกม็อง และ แซร์จ นาบรี้ ยังขาดอยู่
อีกคู่ที่น่าสนใจ เฟเนูร์ด จากเนเธอร์แลนด์ เปิดบ้านรับมือ เอซี มิลาน จากอิตาลี
เกมนี้ อิกอร์ ไพเซา ทำประตูเดียวของเกมในนาทีที่ 3 เมื่อเขาซัดจากกราบซ้ายด้วยความเร็วสูง บอลลื่นไปบนพื้นสนามที่เปียกและหลุดผ่านมือของไมค์ เมญอง ผู้รักษาประตูของมิลานที่พยายามพุ่งไปเซฟ
เป็นลูกยิงที่ไม่น่าจะพลาดสำหรับผู้รักษาประตูทีมชาติฝรั่งเศส แต่ความผิดพลาดครั้งนี้ทำให้เฟเยนูร์ดออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม และตั้งแต่ต้นเกม ไพเซา ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น
ปีกชาวบราซิลเป็นหัวใจสำคัญของเกมรุกของเฟเยนูร์ด และสร้างปัญหามากมายให้กับ ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็คขวาของมิลานด้วยการวิ่งทางกราบและเกือบทำประตูที่สองได้ในนาทีที่ 37 เมื่อยิงบอลโค้งไปชนคาน
หลังจากพักครึ่ง ไพเซาใช้เทคนิคสร้างโอกาสให้กับจูเลียน คาร์รันซา แต่ยิงหลุดกรอบ และทั้งสองทีมต่างพยายามหาช่องทางทำประตูท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดที่เดอ ไคป์ โดยฝนตกหนักในครึ่งแรกทำให้การเล่นยากขึ้น
ทางฝั่งมิลาน ราฟาเอล เลเอา ได้โอกาสยิงสองครั้งก่อนพักครึ่ง ครั้งแรกถูกบล็อกโดยโธมัส เบเลน กองหลังเฟเยนูร์ด และครั้งที่สองเป็นการโต้กลับที่เขาพยายามยิงประตู แต่ถูกสกัดโดยการแท็คเกิลที่ทันเวลาโดย กีไวโร รีด
สำหรับทิยานี ไรน์เดอร์ส กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ ซึ่งกลับมาที่บ้านเกิดในเกมนี้ แสดงผลงานที่เงียบๆ และไม่ได้เล่นตามสไตล์เดิมของเขา แต่เขาเกือบทำประตูได้ด้วยลูกยิงโค้งในนาทีที่ 70 ขณะที่ซานติอาโก้ ฆิเมเนซ กองหน้าชาวเม็กซิกันที่เฟเยนูร์ดขายให้มิลานไปเมื่อ 9 วันก่อน ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร (ประมาณ 36.35 ล้านดอลลาร์) ก็ไม่มีโอกาสได้ยิงประตูเช่นกัน
มิลานดูเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งขึ้นใน 20 นาทีสุดท้าย แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้คือการยิงจากระยะไกลของซามูเอล ชุกวูเอเซ่ ซึ่งไปตรงตัวผู้รักษาประตูเฟเยนูร์ด ส่งผลให้ "ปีศาจแดงดำ" ทำได้เพียงรอโอกาสแก้มือในเลกที่ 2 ที่ซานซีโร่
สรุปผลฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ เลกแรก