ส่องโปรแกรมโหด "ทีมชาติไทย" ภายใต้กุนซือใหม่ "มาซาทาดะ อิชิอิ"

ในที่สุด ทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ก็เปิดการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกุนซือเป็นที่เรียบร้อย โดย "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม แถลงแยกทางกับ มาโน่ โพลกิ้ง พร้อมประกาศแต่งตั้ง "มาซาทาดะ อิชิอิ" กุนซือชาวญี่ปุ่น ให้เข้ามาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่อย่างเป็นทางการ

แน่นอนว่า อิชิอิ ต้องพบกับบททดสอบที่น่าจะหนักที่สุดในอาชีพกุนซือของตัวเอง เพราะเป้าหมายของทีมชาติไทยก็คือก้าวข้ามระดับอาเซียนสู่การเป็นทีมในระดับเอเชียให้ได้ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายสูงสุดอย่างการคว้าตั๋วไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วย

โดยงานแรกของ อิชิอิ ถือว่าหนักหน่วงตั้งแต่เกมแรก เมื่อต้องบุกไปเยือน "ซามูไรบลูส์" ทีมชาติญี่ปุ่น บ้านเกิดของเขา วันที่ 1 ม.ค. เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่ศึก เอเชียนคัพ ที่กาตาร์ จะเริ่มขึ้น ซึ่งทีมชาติไทย อยู่กลุ่มเดียวกับ คีร์กีซสถาน, โอมาน และ ซาอุดีอาระเบีย นับเป็นงานที่ยากเช่นกันหากจะหวังผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ให้ได้

เท่านั้นยังไม่พอ เกมแรกที่ อิชิอิ จะคุมทัพช้างศึกเล่นในบ้าน ก็คือการรับมือกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย นัดที่ 4 ในเดือน มี.ค.

สรุปโปรแกรมของทีมชาติไทยในปี 2567
ฟุตบอลกระชับมิตร

• 1 มกราคม 2567 พบ ญี่ปุ่น (เยือน)

ฟุตบอล เอเชียนคัพ 2023 ที่กาตาร์ (12 ม.ค.-10 ก.พ.)
รอบแรก

• 16 มกราคม 2567 พบ คีร์กีซสถาน
• 21 มกราคม 2567 พบ โอมาน
• 25 มกราคม 2567 พบ ซาอุดีอาระเบีย

ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2

• 21 มีนาคม 2567 พบ เกาหลีใต้ (เยือน)
• 26 มีนาคม 2567 พบ เกาหลีใต้ (เหย้า)
• 6 มิถุนายน 2567 พบ จีน (เยือน)
• 11 มิถุนายน 2567 พบ สิงคโปร์ (เหย้า)

รู้จักกับ "มาซาทาดะ อิชิอิ"
"มาซาทาดะ อิชิอิ" เกิดวันที่ 1 ก.พ. 2510 ปัจจุบันอายุ 56 ปี เกิดที่เมืองอิจิฮาระ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจุนเต็นโด หลังจากเรียนจบ อิชิอิ ได้เข้าร่วมทีม เอ็นทีที คันโต แห่งเจแปนซอกเกอร์ลีก (เจลีก ในปัจจุบัน) ก่อนย้ายมาอยู่กับ ซูมิโตโมะ เมทัล (คาชิม่า แอนท์เลอร์สในปัจจุบัน) ในปี 2534

จากนั้นในปี 2535 เจแปน ซอคเกอร์ลีก ถูกยุบและเปลี่ยนชื่อมาเป็นเจลีก ในปี 2536 อิชิอิ ทำผลงานช่วยต้นสังกัดคว้าอันดับ 2 ของเจลีก พร้อมทั้งคว้าแชมป์ฟุตบอลเอ็มเพอเรอร์ คัพ โดยเขาลงเล่นให้กับคาชิม่า แอนท์เลอร์สเป็นเวลา 7 ปี ลงสนามไป 109 นัด ซัดไป 3 ประตู จากนั้นในช่วงท้ายของการค้าแข้ง เขาได้ย้ายสู่ อวิสปา ฟูกูโอกะ ในปี 2541 ก่อนแขวนสตั๊ดหลังจากจบฤดูกาลด้วยวัยเพียง 31 ปี

จากนักเตะสู่โค้ช
หลังจากแขวนสตั๊ด "มาซาทาดะ อิชิอิ" ผันตัวไปทำงานเป็นพนักงานศูนย์อาหารอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจคืนสู่สิ่งที่เขารักอีกครั้ง นั่นคือ ฟุตบอล โดยเขากลับมาเป็นโค้ชฟิตเนสให้อดีตต้นสังกัด คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ในปี 2545 เขาใช้เวลาอยู่ 10 ปีเต็มคลุกคลีกับตำแหน่งนี้ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโค้ช ในปี 2555 และกลายเป็นกุนซือทีมชุดใหญ่ในปี 2558 หลังจาก โตนีนโย เซเรโซ่ เจ้าของเก้าอี้คนเดิมถูกปลด ทำให้ อิชิอิ กลายเป็นเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นคนแรกของสโมสรในรอบ 21 ปี  

อิชิอิ ประเดิมงานกุนซือได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ปีแรก ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์เจลีก และ เข้าชิงฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ FIFA Club World Cup 2016 ก่อนจะพ่าย เรอัล มาดริด ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-4 และเขายังคว้ารางวัล ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของเจลีก มาครองได้อีกด้วย  แต่จากผลงานที่ตกลงไปในปีถัดมา ทำให้เจ้าตัวต้องแยกทางกับ แอนท์เลอร์ส ในที่สุด

แต่ อิชิอิ ก็ว่างงานได้ไม่นาน ภายในปี 2560 เขาได้รับตำแหน่งเข้าคุมทีม โอมิยะ อาร์ดิจา แต่ผลงานไม่สู้ดีนัก จนทีมตกชั้นสู่ เจลีก 2 แม้ว่าในฤดูกาลถัดมาจะสามารถพาทีมขึ้นมาจบอันดับที่ 5 ของลีกได้ แต่ก็ไม่เพียงพอจะกลับไปสู่ลีกสูงสุด เขาจึงลาออกจากตำแหน่ง
โยกคุมทัพในไทย
หลังจากนั้น อิชิอิ ได้เข้ารับตำแหน่งกุนซือ สมุทรปราการ ซิตี้ เขาทำได้ดีอย่างมากกับการประเดิมคุมทีมเพียงฤดูกาลเดียว และพา "เขี้ยวสมุทร" จบอันดับ 6 ของตารางในไทยลีก และยกระดับผู้เล่นในทีมจนก้าวขึ้นไปติดทีมชาติหลายราย แต่ปี 2563-64 สมุทรปราการ ซิตี้ ประสบปัญหาด้านการเงิน ทำให้ต้องปล่อยผู้เล่นไปหลายรายจนไม่สามารถรักษาผลงานของทีมไว้ได้ ซึ่งเขาพาทีมจบอันดับ 13 ในเลกแรก ก่อนจะประกาศแยกทางกัน

จากนั้น อิชิอิ ก็เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่แยกทางกับ อเล็กซานเดร กาม่า และเขาก็พา "ปราสาทสายฟ้า" กวาดแชมป์ทุกรายการทั้งแชมป์ ไทยลีก , เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ นอกจากนี้ยังคว้ารางวัล โค้ชยอดเยี่ยม จาก FA Awards 2021 และต่อมาเมื่อฤดูกาลทีผ่านมา 2565-66 เขาก็ยังช่วยทีมคว้าทริปเปิลแชมป์อีกครั้ง และเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ป้องกันแชมป์ได้อีกสมัย

ต่อมาเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อิชิอิ ตอบรับเข้ามาหน้าที่ประธานเทคนิคทีมชาติไทย แต่ก็ขอลาออกในเวลาไม่นาน อย่างไรก็ตาม เส้นทางของทั้ง อิชิอิ และ ทีมชาติไทย ก็กลับมาบรรจบกันอีกครั้งในเวลานี้