โดยฝ่ายจัดการแข่งขันซีเกมส์ นำโดยนายวัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ได้จัดงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนเป็นเจ้าภาพ "ซีเกมส์ 2023" ที่จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 5-17 พ.ค. นี้
นายวัธ จำเริญ เน้นย้ำว่าจำนวนชนิดกีฬารวมถึงกฎกติกาต่างๆนั้นไม่ใช่การตัดสินใจโดยอาศัยอำนาจของชาติเจ้าภาพแต่อย่างใด แต่เป็นฉันทามติกับสหพันธ์กีฬาอาเซียนและสหพันธ์พาราลิมปิกอาเซียน ที่มีการหารือมาก่อนหน้านี้ และเป็นไปตามกฎบัตรซีเกมส์ทุกประการ
"กัมพูชาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาคมกีฬาต่างๆในอาเซียนเพื่อกำหนดหลักการสำคัญ และประกาศให้สมาชิกอาเซียนทราบภายใน 1-2 ปี ดังนั้นทั้งการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ จึงถูกกำหนดโดยประเทศสมาชิก” นายวัธ จำเริญ กล่าว
เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันยังบอกอีกว่า กัมพูชาจัดการประชุมกับอาเซียนหลายครั้ง เริ่มแรกจำแนกได้ 38 ชนิดกีฬา ชิงชัย 608 เหรียญทอง ต่อมาเนื่องด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป กีฬาเพาะกายได้ถูกคัดออกจากการแข่งขันซีเกมส์ เนื่องจากประเด็นการใช้สารต้องห้าม จึงเหลือเพียง 37 ชนิด ในจำนวนนี้มีเพียง 36 ชนิดกีฬาที่จะได้เหรียญรางวัล เพราะ "เทเบิลฟุตบอล" ถือเป็นกีฬาสาธิตเท่านั้น
และจากกีฬาทั้ง 37 ชนิด เจ้าภาพมีสิทธิ์รวมกีฬาวัฒนธรรมประจำชาติที่ประชาชนนิยมเล่นกันด้วย ดังนั้นกัมพูชาจึงตัดสินใจรวม โบกาตอร์ (กุน ขแมร์) และ หมากรุกเขมร ไปด้วย โดยก่อนหน้านี้กัมพูชาได้จัดการแข่งขันศิลปะป้องกันตัวและหมากรุกเขมรชิงแชมป์อาเซียนมาแล้ว ขณะที่โบกาตอร์จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันชิงแชมป์อาเซียนในเดือนหน้า ซึ่งการเป็นเจ้าภาพถือเป็นโอกาสในการแสดงกีฬา วัฒนธรรม เอกลักษณ์ของชาติ นั่นเอง
"หากเราไม่เป็นเจ้าภาพ เราก็ไม่มีโอกาสดีๆ ในการอนุรักษ์และพัฒนา" นายวัธ จำเริญ กล่าว