
25 กันยายน 2568 ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ "เนชั่นทีวี"
-ถนนทรุดที่หน้าโรงพยาบาลวชิระ เป็นหลุมใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้น ฉะนั้นโอกาสที่ดินจะสไลด์ลงไปอีกเรื่อยๆ ยังมีโอกาสมาก
-อาคาร สน.สามเสน เสี่ยงอันตรายจริงๆ แต่ยังมีทางแก้ไข โดยต้องประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง โดยมีแนวทางคือ ติดตามการเคลื่อนของตัวอาคาร เพราะมีโอกาสที่อาคารจะนิ่งอยู่ได้ เพราะอาคารมีเสาหลายต้น มีฐานรากหลายฐาน เปรียบเหมือนโต๊่ะมี 10 ขา ถ้าขาหายไป 2 ขา อาจจะรับน้ำหนักได้ก็เป็นได้ แต่ต้องประเมินการขยับของอาคาร ถ้านิ่งแล้ว และทีมวิศวกรเข้าพื้นที่ได้ ก็อาจจะสามารถเสริมเสาเข็มเพื่อให้อาคารตั้งอยู่ต่อไปได้
ปัญหาเร่งด่วน 3 ส่วน คือ
1.จัดการกับหลุมที่เปิดอยู่อย่างไร
2.จัดการกับโครงสร้างข้างเคียงอย่างไร เพราะพร้อมที่จะขยับตัวตลอดเวลา
3.อุโมงค์ที่แตกหัก จะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
ทั้ง 3 ข้อนี้สัมพันธ์กันหมด จึงถือเป็นความยาก เช่น พอเราถมทรายลงไป จะเข้าไปถึงตัวอุโมงค์จุดที่ต้องซ่อมได้อย่างไร ถือเป็นปัญหาที่วนกลับมา
-การทิ้งกระสอบทราย 50,000 ลูก เป็นมาตรการเฉพาะหน้าจริงๆ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่ประสิทธิภาพก็มีจำกัดมาก เพราะทิ้งกระสอบทรายลงไปแล้ว ไม่สามารถควบคุมตำแหน่งได้ จึงสร้างประสิทธิภาพหยุดยั้งการเคลื่อนตัวของดินไม่ได้เต็มที่
ข้อเสนอ 2 แนวทาง
1.ผสมทรายกับซีเมนต์ถมลงไป อาจจะต้องเป็นหมื่นๆ คิว
2.ติดตั้งเหล็กชีทไพล์
แนวทางแรกง่ายกว่า เพราะหลุมลึกมาก ส่วนแนวทางที่ 2 ไม่สามารถติดตั้งเฉพาะแผ่นเหล็กชีทไพล์ได้ ต้องมีด้านข้างอีก ถือเป็นงานซับซ้อนและอลังการ
-รอยต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานี เป็นจุดที่อ่อนที่สุด อาจจะไม่ใช่แค่รั่วหรือมีรอยแตก แต่อาจจะขาดด้วยซ้ำ
-เคสหน้าโรงพยาบาลวชิระ คล้ายเคสบึงหนองบอน อุดมสุข แต่ที่บึงหนองยอนเป็นอุโมงค์ระบายน้ำ ระดับตื้นกว่า หลุมจึงไม่ลึกเท่า
สิ่งที่ต้องทำขณะนี้
ขั้นแรก ต้องหาทางอุดอุโมงค์ ไม่ให้ดินสไลด์เข้าไปเพิ่มเติมในอุโมงค์
ขั้นที่ 2 แม้อุดอุโมงค์ได้แล้ว ดินก็ยังอาจจะขยับตัวได้อีก จึงต้องหาจุดสมดุล
ความน่าเป็นห่วงคือ ดินยังอาจมีการสไลด์ต่อไป และน้ำฝนมีความเสี่ยง น่าเป็นห่วง มาตรการของผู้ว่าฯกทม. คือ ใช้กระสอบทราย ซึ่งมีประโยชน์ซับน้ำได้ แต่ควบคุมตำแหน่งไม่ได้ ถือเป็นจุดอ่อน
ปัญหาบริหารจัดการ
1. การสอบสวนสาเหตุ - เปรียบเทียบในอเมริกา เหตุการณ์อาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถล่ม มีการตั้ง “คณะกรรมการกลาง” ตามกฎหมาย ทำหน้าที่สอบสวน และสรุปผลการสอบสวน ก่อนเปิดเผยต่อสาธารณะ
2. ประเทศไทยไม่มีกฎหมายเหมือนอเมริกา เวลามีปัญหาพิบัติภัย หน่วยงานเจ้าของโครงการจะตั้งกรรมการของตัวเองขึ้นมา จึงมีความน่าเป็นห่วงเรื่องความน่าเชื่อถือ
3.การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีปัญหาซ้ำๆ หลายครั้ง แสดงว่าต้องมีกระบวนการทางวิศวกรรมบางอย่างต้องปรับปรุง ต้องนำไปสู่ระบบการติดตั้งอุปกรณ์การตรวจสอบการเคลื่อนที่ของดิน
ยกตัวอย่าง เหตุการณ์ที่หน้าวขิรพยาบาล มีสัญญาณเตือน แต่เป็นการมองเห็นด้วยสายตา จึงปิดการจราจรา แม้จะป้องกันความสูญเสียได้ในครั้งนี้ แต่ก็หมิ่นเหม่อย่างมาก เพราะจริงๆ มีเครื่องมือตรวจวัดการขยับตัวของดิน และแจ้งเตือนได้เลย จึงต้องออกกฎหมายให้ติดตั้งระบบเซ็นเซอร์เหล่านี้ เพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้า โดยเฉพาะโครงการก่สอร้างใต้ดิน บนดินอ่อน และอยู่บนทางสาธารณะ
“กฎหมายไทยไม่มีกำหนดให้มีคณะกรรมการกลาง ตั้งแต่สะพานถล่มที่ลาดกระบัง สิ่งก่อสร้างถล่มที่พระราม 2 รวมถึงตึก สตง.ถล่ม ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยของการก่อสร้งอาคารในที่สาธารณะ มีการเสนอให้แก้ไขกฎหมาย เพื่อให้มีคณะกรรมการอิสระในการตรวจสอบ โดยไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานเจ้าของโครงการ” ศ.ดร.อมร ระบุ