svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ปชช.ร้อง 11 โครงการอาคารสูง ไม่ตรงปก! เข้าข่ายผิดกฎหมาย

สภาผู้บริโภคเปิด 11โครงการอาคารสูง ก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎหมาย ไม่ตรงปก ทั้งถนนกว้างไม่ถึง 6 เมตร ทำผู้อาศัยโดยรอบเสี่ยงไม่ปลอดภัย ค้านแก้กฎกระทรวง ฉ.33เอื้อเอกชน

สภาผู้บริโภคเปิดผลสำรวจอาคารก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎหมายในกรุงเทพมหานคร หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจาก 11 ชุมชน พบอาคารที่ก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎกระทรวงฉบับที่ 33 โดยมีเครือข่ายผู้บริโภค หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟัง

นายพรพรหม โอกุชิ  ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย สภาของผู้บริโภค กล่าวว่า  สภาผู้บริโภคตรวจสอบกรณีมีชาวบ้านมาร้องเรียนว่ามีอาคารที่ก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎหมายจำนวนหลายอาคารว่าอาคารบางส่วนในแบบโฆษณาไม่ตรงกับแบบก่อสร้างที่ยื่นขออนุญาต หรือแบบ EIA ไม่มีถนนในระยะห่าง 6 เมตร รอบอาคาร  เช่น บางพื้นที่นำเอาพื้นที่รอบอาคารเป็น ที่ชาร์จไฟ รถ EV, หรือปลูกต้นไม้ ทำบ่อน้ำ, พื้นที่ออกกำลังกาย สนามแบดมินตัน สนามเทนนิส ตั้งโต๊ะร้านกาแฟ ซึ่งล้วนแต่ผิดกฎหมาย และไม่ปลอดภัย  เนื่องจากทำให้รถดับเพลิงเข้าออกพื้นที่รอบอาคารไม่ได้ ซึ่งหลังจากมีบทเรียนการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาจะเห็นว่า หากมีการก่อสร้างถูกตามกฎหมายก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยง ของผู้พักอยู่อาศัยที่จะได้รับอันตรายเมื่อเกิดอัคคีภัยหรือภัยพิบัติต่างๆ ขึ้น

ปชช.ร้อง 11 โครงการอาคารสูง ไม่ตรงปก! เข้าข่ายผิดกฎหมาย

"นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการเลี่ยงกฎหมายของผู้ประกอบการ ที่กำหนด พื้นที่ของอาคาร 10,000 ตารางเมตรถึง 30,000 ตารางเมตรจะต้องมีขนาดความกว้างของถนนโดยรอบอาคาร 6-10 เมตร ผู้ประกอบการจะใช้วิธีการ ซอยตึก ออกเป็น 3 หรือ 5 ตึก สร้างอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างได้ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 ไม่ต้องถูกบังคับ เรื่อง ถนนกว้าง 6-10 เมตรตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 สภาผู้บริโภคจึงได้ยื่นหนังสือต่อ กทม.ให้ตรวจสอบอาคารที่ก่อสร้างผิดกฏหมายแล้ว"

ด้านนายสินิทธิ์ บุญสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายควบคุมอาคารกรมโยธาธิการ  กล่าวว่าปัญหาของการสร้างอาคาร ตามกฏหมายควบคุมอาคาร 2522 กำหนดว่า ต้องมีผิวการจราจรกว้างไม่น้อยกว่า 6.00 เมตร ที่พบผู้ประกอบการมักจะดัดแปลงส่วนนี้เพื่อความสวยงามของอาคารเป็นประโยชน์ต่อการขาย เช่น ทำเป็นสวน  สระน้ำ แต่ในข้อเท็จจริงต้องเป็นผิวจราจรล้วนๆ ปราศจากสิ่งปกคลุมจะมีแม้แต่กระถางต้นไม้  หรือมาทำเป็นที่จอดรถก็ไม่ได้ สิ่งที่ผู้ประกอบการควรทำคือต้องตรงไปตรงมา ซึ่งในกฎหมายควบคุมอาคารเขียนไว้ค่อนข้างผูกพันทั้งผู้ประกอบการ ผู้ประกอบวิชาชีพ สถาปนิก วิศวกร ว่าถ้ากทม.อนุญาตแล้วต้องมีการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบ สร้างผิดแบบเมื่อไหร่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบผู้ประกอบการและผู้ควบคุมงาน ตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจรรยาบรรณสภาวิศวกร ปัญหาที่เจอบ่อยคือแบบรับอนุญาต แบบคู่สัญญา และแบบก่อสร้าง ไม่ตรงกัน  และส่วนใหญ่จะรู้ว่าแบบไม่ตรงกันก็เมื่อมีการฟ้องร้อง

ปชช.ร้อง 11 โครงการอาคารสูง ไม่ตรงปก! เข้าข่ายผิดกฎหมาย

“ปัญหาที่เราพบบ่อยมาคือ การออกแบบ 3 แบบไม่ตรงกัน คือแบบที่ขออนุญาตไม่ตรงกับแบบก่อสร้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพบปัญหานี้หลังจากที่ชาวบ้านร้องเรียนขึ้นมาและไปตรวจสอบเป็นคดีฟ้องร้องเราจึงพบปัญหา”
 

ทั้งนี้ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม พยายามดูแลในเรื่องวัสดุก่อสร้างว่าต้องให้ได้มาตรฐาน กรณีตึกสตง. ถล่ม กระทรวงอุตสาหกรรมมีการส่งหนังสือไปถึงสตง. ตั้งแต่ เม.ย.ขอทราบว่าเหล็กที่ใช้กับตึกที่ถล่มนั้นเป็นเหล็กล็อตไหน ผลิตปีใด แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ที่ต้องพูดเรื่องนี้เพราะถ้าได้ข้อมูลเร็วก็จะได้ส่งต่อให้กับวิศวกรที่ควบคุมโครงการก่อสร้างตึกขนาดใหญ่ ไปตรวจสอบว่าตึกที่ตนเองควบคุมอยู่นั้นใช้เหล็กล็อตและปีผลิตดังกล่าวก่อสร้างหรือไม่ หากมีก็จะได้มีการเสริมแรงเข้าไปเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

ปชช.ร้อง 11 โครงการอาคารสูง ไม่ตรงปก! เข้าข่ายผิดกฎหมาย

“ส่วนในเรื่องปัญหาการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ผิดกฎหมายส่วนตัวมีข้อเสนอ 3 เรื่อง ข้อ 1.ผู้ทำอีไอเอ ไม่ควรได้รับค่าจ้างตรงจากผู้ประกอบการ แต่ควรรับเงินจากคณะกรรมการอีไอเอแล้วให้คณะกรรมการอีไอเอไปเก็บในรูปแบบของค่าธรรมเนียม ข้อ 2.กฎกระทรวงฉบับที่ 33 ฉบับที่มีปัญหา และกรมโยธากำลังมีการยกร่างแก้ไขใหม่ เรื่องของเขต ที่เขาจะนับรวมหมดเลยทั้งกระถางต้นไม้ คูน้ำ ที่สำคัญมีการเพิ่มประโยคคำว่า"อื่นๆ"ซึ่งถ้ายอมให้มีการกำหนดในลักษณะนี้ จะยิ่งง่ายต่อการให้มีการก่อสร้างตึกสูง ทางสภาผู้บริโภคควรจะมีการรวมประเด็นเหล่านี้และย้ำไปทางกรมโยธาธิการ ว่าประเด็นเหล่านี้ยอมไม่ได้ และข้อ 3. ต้องเรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูล ถ้าเป็นอาคารสาธารณะควรให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการเช็คตึกนั้นๆด้วย”

 ด้านนายสุรัช ติระกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานโยธา กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า อาคารสูงที่เข้าข่ายผิดกฎหมายที่สภาผู้บริโภคได้แจ้งข้อมูลมา หากกทม.เข้าตรวจสอบและพบว่าไม่ผิดเยอะเช่นตั้งกระถางต้นไม้กีดขวาง  ก็จะแจ้งทางวาจาให้เจ้าของอาคารปรับปรุงซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับความร่วมมือ ขณะนี้มีอยู่ 3-4 อาคารที่มีการประสานไปทางวาจาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วยังไม่ยอมให้เข้าตรวจหรือแก้ไขอ้างว่าต้องการให้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ถ้าอาคารไหนมีลักษณะผิดเยอะก็จะแจ้งให้ทางสำนักงานเขตดำเนินคดี 

ส่วนที่ผู้บริโภคมองว่าอาคารไม่เป็นไปตามที่บริษัทได้โฆษณาขายหรือเรียกว่า "ไม่ตรงปก"นายสุรัช กล่าวว่า  อย่างที่ระบุกันก่อนหน้านี้ว่าแบบของอาคาร จะมี 3 แบบ คือแบบโฆษณา  แบบรับอนุญาต และแบบก่อสร้าง ซึ่งแม้ตามกฎหมายจะให้กทม.เข้าไปตรวจสอบได้ 3 ช่วงเวลาคือก่อนก่อสร้าง ขณะก่อสร้างและก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ปัญหาคือเมื่อเจ้าของโครงการก่อสร้างไประยะหนึ่งก็จะมีการแก้ไขแบบ กว่าเจ้าหน้าที่กทม.จะไปพบ ก็เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ถือว่ามีการกระทำผิด เพราะมีการขออนุญาตแก้ไขแบบ และมีการสร้างตามแบบที่ขอแก้ไข

ปชช.ร้อง 11 โครงการอาคารสูง ไม่ตรงปก! เข้าข่ายผิดกฎหมาย

 ส่วนนายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัยสภาผู้บริโภค กล่าวว่าเรายื่นไปให้ทางสำนักโยธาของกรุงเทพมหานครถึงผู้ว่ากทม.วันนี้มีร่วม 50 อาคารของทุกค่ายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งความผิดไม่ใช่แค่ให้โยธาตรวจสอบแล้วมีการแก้ไขให้ถูกต้องตามแบบที่ขออนุญาตไว้ แต่มีคนผิดตั้งแต่ต้น ออกแบบพรีวิวกับแบบสุดท้ายตรงกัน แต่แบบขออนุญาตเขียนอีกแบบ นี่คือการจงใจยื่นเอกสารเท็จต่อทางราชการ 

ดังนั้นที่ตึกสตง.ถล่มและเราหันมาให้ความสนใจเรื่องการแก้ไขระบบมาตรฐานการก่อสร้าง โดยสส.มีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมา ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะวันนี้เรายังมีคนเข้าอาคารไม่ได้เป็น 10 อาคารเลย และแผ่นดินไหวมันโดนกระทำมาทางใต้ดิน แต่กลับไม่มีใครพูดเรื่องโครงสร้างใต้ดิน แล้วแก้ปัญหากันแบบไปฉาบไปทาบนผนังที่ร้าวกันจริงๆ มันเป็นเรื่องอันตราย"

สำหรับปัญหาดังกล่าวนายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัยสภาผู้บริโภค มองว่า การก่อสร้างอาคารที่ผิดกฎหมายในแต่ละขั้นตอนมีตัวละครเกี่ยวข้องหลายตัว เช่น แบบก่อสร้าง สถาปนิกผู้ออกแบบและเจ้าของโครงการต้องรับรู้และพึงพอใจในแบบถึงจะออกมาเป็นแบบ เมื่อมันผิดเพี้ยนตั้งแต่การออกแบบ จนอาคารออกมาไม่ตรงปก จะเห็นว่ามีคนผิดตั้งแต่ต้น ออกแบบพรีวิวกับแบบสุดท้ายไม่ตรงกัน ทั้งที่แบบขออนุญาตเขียนอีกแบบ นี่คือการจงใจยื่นเอกสารเท็จต่อทางราชการ ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย เพราะกฏหมายได้ระบุไว้ละเอียด เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน

“ที่ยกเรื่องถนน 6 เมตรขึ้นมา เพื่อต้องการให้บริการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาจริงจังเสียที ซึ่งจะมีการทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมาย อยากวิงวอนว่าให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขกฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายผังเมืองเพราะเรื่องเหล่านี้มีผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง และการแก้ไขกฎหมายใดๆ ที่กรมโยธาทำอยู่ขณะนี้ เราคัดค้านไปแล้วว่า เป็นการแก้ไขไปสู่การให้ผู้ประกอบการมีความสะดวกในการขออนุญาตก่อสร้างอาคารสูงขนาดพิเศษในเขตชุมชนได้มากขึ้น”