16 พฤษภาคม 2568 เรื่องราวฉาวโฉ่สะเทือนวงการสงฆ์ กลับมากระหึ่มอีกครั้ง กรณี "ทิดแย้ม" อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ถูกดำเนินคดี ข้อหานำเงินวัดกว่า 300 ล้าน ไปเล่นพนัน "บาคาร่า" สะท้อนถึงเงินศรัทธาประชาชนบริจาคให้วัดถูกนำไปใช้โดยมิชอบ
ผศ.ดร.ณดา จันทร์สม วารสารพัฒนบริหารศาสตร์ นิด้า เคยทำผลงานวิจัย ในหัวข้อเรื่องการบริหารการเงินของวัดในประเทศไทย : ความสอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งได้นำเสนอไว้อย่างน่าสนใจ โดยมีใจความสำคัญระบุว่า วัดเป็นนิติบุคคลประเภทองค์การไม่แสวงหากำไร มีบทบาทสำคัญกับสังคมไทยมานาน
ซึ่งการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบ วิธีการ และวิเคราะห์จุดอ่อนและจุดแข็ง ปัญหาและอุปสรรคของรูปแบบการบริหารการเงินของวัดไทยที่เป็นอยู่ การวางกรอบการบริหารการเงินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการดำเนินการวัด จะช่วยให้การกำกับดูแลวัดมีกรอบแนวทางที่ชัดเจนและใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของวัดจากสาธารณชน นำไปสู่ความยั่งยืนในการพัฒนาของวัดและพุทธศาสนาในระยะยาวได้
สำหรับผลจากการศึกษา พบว่า กฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่เพื่อการบริหารวัดไม่เพียงพอที่จะทำให้วัดมีแนวปฏิบัติในการบริหารที่สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล เห็นได้จากโดยส่วนมากยังไม่มีโครงสร้างในการบริหารการเงินของวัดที่เป็นระบบ การจัดทำรายงานทางการเงินของวัดไม่เป็นไปตามหลักมาตรฐานบัญชีทีรับรองกันโดยทั่วไป รวมถึงยังไม่มีการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต การเผยแพร่ข้อมูลทางการเงินของวัดให้สาธารณะรับทราบยังอยู่ในวงจำกัด หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลการบริหารการเงินของวัดยังขาดการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ
โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังขาดบทบาทในการกำหนดกรอบในการกำกับดูแลให้การบริหารจัดการทางการเงินของวัดสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล อีกทั้ง บุคลากรยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดี และหลักการบริหารการเงินของผู้มีอำนาจหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการภายในวัด
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/NDJ/article/view/17677/15755
ขณะที่ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อน จุดแข็ง ปัญหาและอุปสรรคของรูปแบบการบริหารการเงินของวัดไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สรุปได้ดังนี้
จุดอ่อน
จุดแข็ง