svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

พยาบาล รพ.ตำรวจ เปิดใจถึง ความรู้สึก-เหตุการณ์ นาทีช่วยชีวิต ชายชาวญี่ปุ่น

พยาบาล รพ.ตำรวจ เปิดใจถึงความรู้สึก พร้อมเล่านาทีช่วยชีวิต ทำ CPR ช่วยเหลือชายสูงอายุชาวญี่ปุ่น จนรอดชีวิต ชีพจรกลับมา

24 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น.  ที่ ห้องประชุมชั้น 19 อาคาร มภร. โรงพยาบาลตำรวจ พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า รักษาราชการแทนพยาบาล (สบ 6) โรงพยาบาลตำรวจ ในฐานะโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ขอบคุณสื่อมวลชน และประชาชนที่ร่วม แสดงความชื่นชม และให้กำลังใจ ว่าที่ ร.ต.ท.หญิง สุนารี เขียวสลับ พยาบาล (สบ 1) สังกัดกลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ / ปฏิบัติงานกลุ่มงานพยาบาลตึกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ชั้น 13 โรงพยาบาลตำรวจ ที่ให้ความช่วยเหลือชายผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น ที่หมดสติล้มลงกับพื้นจนรอดชีวิต บริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน Ginza Line สถานี Asakusa จังหวัด Tokyo ประเทศญี่ปุ่น ขณะเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น

พยาบาล รพ.ตำรวจ เปิดใจถึง ความรู้สึก-เหตุการณ์ นาทีช่วยชีวิต ชายชาวญี่ปุ่น

 

โดยใช้ทักษะทางวิชาชีพในการประเมินอาการ ระดับความรู้สึกตัว และสัญญาณชีพ ชายสูงอายุที่ไม่รู้สึกตัว คลำชีพจรไม่ได้ จึงช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) และแจ้งขอเครื่อง AED จากเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟใต้ดิน

 

เมื่อเครื่อง AED มาถึง ได้หยุด CPR และติดแผ่น Paddle AED เตรียมใช้ เครื่อง AED ชายสูงอายุได้กลับมามีชีพจร จึงไม่ได้ทำการ shock ไฟฟ้าหัวใจ ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุ ติดต่อหาญาติและเรียกรถพยาบาลนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาต่อไป จนเป็นข่าวดังทั้งในประเทศญี่ปุ่น ประเทศไทย และอีกหลายๆประเทศ เพราะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของบุคลากรทางการแพทย์ของไทยและ เป็นข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ในการปฏิบัติหน้าที่รักษาดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยอย่างเต็มที่

พยาบาล รพ.ตำรวจ เปิดใจถึง ความรู้สึก-เหตุการณ์ นาทีช่วยชีวิต ชายชาวญี่ปุ่น

 

ว่าที่ ร.ต.ท.หญิง สุนารี เขียวสลับ ได้รับใบประกาศเกียรติคุณความดี จาก พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ในฐานะบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือกิจการสาธารณะหรือมีจิตสาธารณะเป็นที่ประจักษ์ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568

 

โรงพยาบาลตำรวจ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) หรือการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เพราะช่วยลดภาวะความเสี่ยงการเสียชีวิตให้กับผู้ป่วย มีการให้ความรู้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจทุกนาย โดยจัดให้มีการอบรมอย่างต่อเนื่อง มุ่งหวังให้บุคลากรของโรงพยาบาลตำรวจมีความรู้ขั้นพื้นฐานในการช่วยชีวิตเบื้องต้น หากประสบพบเห็นสามารถนำความรู้ขั้นพื้นฐานไปช่วยผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง

 

ในห้วงปีที่ผ่านมา พ.ต.อ.ณัฐพล ปิตะนีละบุตร นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ / ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลตำรวจ จัดการอบรม การช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) ให้บุคลากรของ โรงพยาบาลตำรวจ , นักเรียนนายร้อยตำรวจ , สมาคมแม่บ้านตำรวจ รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตปทุมวัน อีกทั้งให้ความรู้กับประชาชน และเยาวชน ที่เข้าร่วมกิจกรรม โครงการ “ตำรวจรักษ์ ประชาชน

 

นอกจากนี้ ร.ต.ท.หญิง สุนารี และ พ.ต.ท.นพ.อภิวัฒน์ จันทร์แสงฟ้า นายแพทย์ (สบ3) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม รพ.ตร. ยังได้สาธิตการทำ CPR กับหุ่นในการช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้ประสบเหตุ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน

 

ร.ต.ท.หญิง สุนารี เขียวสลับ

 

ร.ต.ท.หญิง สุนารี เปิดใจว่า ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชมจริงๆ ตัวเองเป็นบุคลากรทางการแพทย์ได้ฝึกมาจากกลุ่มงานพยาบาล มีการฝึกให้ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานจนไปถึงระดับสูง มีการฝึกเป็นประจำอยู่แล้ว การได้ไปช่วยผู้ป่วยสูงอายุให้กลับมาฟื้นคืนชีพในต่างประเทศ รู้สึกภูมิใจและดีใจที่สามารถช่วยชีวิตได้ และสร้างชื่อเสียงให้โรงพยาบาลและประเทศไทย

 

ร.ต.ท.หญิง สุนารี เล่าเหตุการณ์ช่วยชีวิตว่า ขณะเดินทางท่องเที่ยว พบผู้สูงอายุเพศชาย หมดสติล้มลงกับพื้น บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินสายกินซ่า สถานีอาซากูซะ เมืองโตเกียว มีชาวญี่ปุ่นมามุงดูว่าชายสูงอายุคนดังกล่าวจะลุกขึ้นมาได้ไหม แต่ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวไม่สามารถลุกขึ้นมาได้และมีหมดสติ

 

ตอนนั้นเมื่อพบเจอเหตุการณ์ก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ต้องตั้งสติและได้ประเมินอาการจึงรีบช่วยได้ทันท่วงที โดยการเริ่ม CPR โดยใช้เวลาช่วยประมาณ 2 นาที จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของรถไฟฟ้าใต้ดิน ประสานรถพยาบาลมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ปลอดภัยแล้วจึงเดินทางไปวัดต่อ

 

พ.ต.ท.นพ.อภิวัฒน์ กล่าวว่า เวลาผู้ป่วยหมดสติ หรือหัวใจหยุดเต้น จริงๆมีโอกาสเสียชีวิตสูงอยู่แล้ว การรีบเข้าไปช่วยกดหน้าอกและติดเครื่อง AED จะเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตให้กับผู้ป่วยได้ ทุกครั้งที่เข้าไปช่วยไม่สามารถตอบได้ว่า ผู้ป่วยจะฟื้นหรือไม่ฟื้นแต่การเข้าไปช่วยอย่างรวดเร็ว มีโอกาสทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิตมากยิ่งขึ้น และมีสมองที่กลับมาเป็นปกติมากขึ้น เนื่องจากสมองขาดเลือดได้ไม่ถึง 10 นาที หากขาดเลือดเกิน 10 นาทีจะทำให้สมองตายถาวร แม้จะฟื้นกลับมาก็อาจจะพิการได้

 

สำหรับผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการช่วยชีวิตเบื้องต้น ขอให้ทุกคนรีบเข้าไปช่วย อย่ารีรอในการเข้าไปช่วยชีวิตผู้ป่วย ให้เข้าไปประเมินอาการเบื้องต้นก่อน หน้าที่ของเราเมื่อพบเจอผู้ป่วยเป็นหน้าที่ จะต้องช่วยกู้ชีพเบื้องต้น

 

การกู้ชีพประกอบไปด้วยการกดหน้าอก และการใช้เครื่อง AED เพื่อให้เลือดได้ไปเลี้ยงสมองก่อน ระหว่างรอทีมแพทย์ขั้นสูงมาช่วยต่อไป ทางโรงพยาบาลตำรวจมีการจัดฝึกอบรมและสอนการกู้ชีพอยู่เป็นประจำ โดยปีที่ผ่านมามีการสอนไป 1,500 คน