นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงถึงกรณีข้อสงสัยการสอบบรรจุพนักงานราชการตำแหน่งครู ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา หรือ สพม.จังหวัดสระแก้ว โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อผู้เข้าสอบรายหนึ่ง ซึ่งมีรายชื่อลำดับที่ 1 ในการประกาศผลสอบครั้งแรก วันที่ 9 กันยายน 2567 แต่กลับไม่ปรากฏในรายชื่อในบัญชีเมื่อมีการประกาศผลสอบฉบับใหม่ วันที่ 12 กันยายน 2567 ทำให้ไม่ได้รับการบรรจุเป็นครูตามลำดับเดิมก่อนหน้านี้
นายสิริพงศ์ ชี้แจงว่า พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญต่อกรณีนี้เป็นอย่างมาก โดยได้กำชับให้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่ปกป้องใคร และยึดหลักความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเคร่งครัด พร้อมเน้นย้ำถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น เพื่อพิจารณา และตรวจสอบทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงศึกษาธิการ ยืนยันว่า จะทำงานอย่างโปร่งใส หากพบว่า มีการกระทำที่ผิดพลาด หรือมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำชับให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ทำงานอย่างรอบคอบ และตรวจสอบทุกขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้มีการละเลยรายละเอียดใด ๆ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญในการดูแลผู้เสียหาย โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการเยียวยา และหาทางออกที่เหมาะสม เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างเร่งด่วนที่สุด พร้อมยืนยันว่า จะไม่ทอดทิ้งผู้เสียหาย และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง
นายสิริพงศ์ ยังขอให้สังคมและสื่อมวลชน ช่วยกันตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ และอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า มีการใช้วิธีแทรกแซง หรือทุจริตใด ๆ เกิดขึ้นในการประกาศรายชื่อรอบใหม่ ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับนามสกุลของผู้สอบ ที่ตรงกับชื่อผู้อำนวยการโรงเรียนในจังหวัดนั้น อาจเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอบครั้งนี้ เนื่องจากเป็นคนละเขตพื้นที่ฯ และขอให้ประชาชน เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งจะดำเนินการอย่างละเอียด โปร่งใส เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้น สะท้อนถึงความเป็นธรรม และความชัดเจนในทุกประเด็น
"เราจะไม่เข้าข้างคนผิด และหากมีการกระทำที่ไม่โปร่งใสเกิดขึ้นจริง ผู้กระทำความผิดจะต้องได้รับการลงโทษตามนโยบายของกระทรวงที่เน้นความยุติธรรมและโปร่งใส เราจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบและการแก้ไขปัญหานี้ และจะแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง" โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ยืนยัน
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตมีความเชื่อมโยง กับเรื่องของการใช้เส้นสายหรือไม่นั้น นายสิริพงศ์ ระบุว่า จากข่าวที่ปรากฏ พบว่า นามสกุลของผู้ที่สอบได้ กับนามสกุลของผู้อำนวยการโรงเรียนบางโรงเรียน ในทางปฏิบัติ ไม่มีทางเกี่ยวข้อง ข่าวที่แชร์กัน อาจเป็นคนละเขต แต่ในความเป็นจริง ในรอบนี้ ไม่ใช่รอบที่โรงเรียนเปิดรับสมัครลูกจ้างโดยตรง เป็นการดำเนินการของเขตพื้นที่การศึกษา ฉะนั้น การที่จะบอกว่า นามสกุลของผู้สอบ กับผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เป็นการเชื่อมโยงคนละประเด็น เพราะเป็นการดำเนินการของเขต ไม่ใช่เป็นการดำเนินการของโรงเรียนโดยตรง พร้อมยืนยันว่า จะทราบผลสอบสวนภายใน 7 วัน หลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบ และขออย่าเพิ่งตัดสิน ขอเวลาในการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรม ถ้าเข้าข่ายการกระทำความผิด พร้อม ยืนยันว่า กระทรวงศึกษาธิการ ไม่เอาไว้ และไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำความผิด และจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แต่ที่สำคัญขออย่าเพิ่งตัดสินใคร หรือเพราะนามสกุลอะไร และคะแนนเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว