svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เช็กด่วน! ปภ. เตือน 26 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำไหลหลาก

เช็กด่วน! ปภ.แจ้งเตือน 26 จังหวัด ”เหนือ-กลาง-ใต้“ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำไหลหลาก ระหว่าง 18 – 25 พ.ค.นี้ ขอพื้นที่เสี่ยงติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

16 พฤษภาคม 2567 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 26 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก ในช่วงวันที่ 18 - 25 พ.ค. 67 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักหรือบริเวณฝนสะสม ซึ่งส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมจัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) และนำเครื่องมือเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยเข้าประจำจุดเสี่ยงอันตรายและพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนทันที

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีประกาศฉบับที่ 3/2567 เรื่องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก แจ้งว่า หย่อมความกดอากาศกำลังแรงก่อตัวในทะเลอันดามัน ส่งผลให้ลมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก ในช่วงวันที่ 18 – 25 พฤษภาคม 2567 แยกเป็น

ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่

  • แม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอแม่สะเรียง อำเภอสบเมย)
  • เชียงใหม่ (อำเภอฝาง อำเภออมก๋อย อำเภอจอมทอง)
  • ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน)
  • ลำปาง (อำเภอเกาะคา อำเภอเถิน อำเภอแม่พริก)
  • แพร่ (อำเภอวังชิ้น)
  • น่าน (อำเภอปัว อำเภอบ่อเกลือ อำเภอเชียงกลาง อำเภอทุ่งช้าง อำเภอท่าวังผา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอสองแคว)
  • อุตรดิตถ์ (อำเภอตรอน)
  • ตาก (อำเภอท่าสองยาง อำเภอแม่ระมาด)
  • สุโขทัย (อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอศรีสัชนาลัย)
  • พิษณุโลก (อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง)
  • เพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอเขาค้อ)

ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่

  • ชลบุรี (อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอศรีราชา)
  • ระยอง (อำภอเมืองระยอง)
  • จันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอมะขาม  อำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน)
  • ตราด (อำเภอเมืองตราด อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่)

ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่

  • ชุมพร (อำเภอท่าแซะ อำเภอพะโต๊ะ)
  • สุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอพนม อำเภอบ้านตาขุน อำเภอเกาะพะงัน)
  • นครศรีธรรมราช (อำเภอช้างกลาง อำเภอพิปูน อำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอถ้ำพรรณรา)
  • พัทลุง (อำเภอป่าบอน อำเภอตะโหมด)
  • สงขลา (อำเภอสะเดา)
  • ระนอง (อำเภอเมืองระนอง อำเภอกะเปอร์ อำเภอ  ละอุ่น อำเภอสุขสำราญ อำเภอกระบุรี)
  • พังงา (อำเภอเมืองพังงา อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอกะปง อำเภอท้ายเหมือง)
  • ภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต อำเภอกะทู้ อำเภอถลาง)
  • กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเขาพนม อำเภออ่าวลึก อำเภอคลองท่อม อำเภอปลายพระยา อำเภอเกาะลันตา)
  • ตรัง (อำเภอเมืองตรัง อำเภอปะเหลียน อำเภอนาโยง อำเภอกันตัง อำเภอห้วยยอด อำเภอหาดสำราญ อำเภอรัษฎา อำเภอวังวิเศษ)
  • สตูล (อำเภอเมืองสตูล อำเภอควนโดน อำเภอควนกาหลง อำเภอทุ่งหว้า อำเภอมะนัง)

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 26 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่แต่ละจุดอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักหรือบริเวณฝนสะสม ซึ่งส่งผลให้เกิดอุทกภัยได้ และพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำ รวมถึงประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมจัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) และนำเครื่องมือเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยเข้าประจำจุดเสี่ยงอันตรายและพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนทันที

ทั้งนี้ได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุอย่างเคร่งครัด สำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามพยากรณ์อากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ขอให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

ประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป