"เกณฑ์ทหาร" เป็นหน้าที่ของชายไทย ถูกกำหนดไว้ไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ โดย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ระบุไว้ในหมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย โดยมาตรา 50 (5) ระบุว่า
"รับราชการทหารตามที่กฎหมายบัญญัติ"
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 หมวด 1 บททั่วไป มาตรา 7 ระบุว่า
"ชายที่มีสัญชาติเป็นไทยดามกฎหมาย มีหน้าที่รับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน"
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ชายไทยทุกคนต้องเข้าใจหน้าที่การลงบัญชีทหารกองเกิน การรับหมายเรียก การตรวจเลือกคนเข้ากองประจำการ การเรียกพล การระดมพล และการปลดชายไทย พร้อมทั้งกำหนดโทษของการไม่เข้าเกณฑ์ทหารถึงขั้นจำคุกไม่เกิน 3 ปี
ดังนั้นถ้าจะกล่าวว่า ชายไทยถูกบังคับให้ต้อง "เกณฑ์ทหาร" คงไม่ผิดไปนัก!
รายละเอียด พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 >> คลิกที่นี่
ไทม์ไลน์ "เกณฑ์ทหาร"
ชายไทยที่ต้อง "เกณฑ์ทหาร" ประกอบด้วย
ทั้งนี้ การเกณฑ์ทหาร จะต้องอายุ 20 ย่าง 21 ปี แต่มีขั้นตอนทางเอกสารต่างก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะต้องมีการลงทะเบียนบัญชีทหารกองเกิน พร้อมทำตามไทม์ไลน์ ดังนี้
ข้อยกเว้นไม่ต้อง "ทหารเกณฑ์"
แม้ว่า รัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.รับราชการทหาร จะกำหนดให้เป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน แต่มีข้อกำหนดในการเข้าเป็นทหารยกเว้นกลุ่มคนบางประเภท ซึ่งบุคคลที่ได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร ประกอบไปด้วย
นอกจากนี้ ได้กำหนด 15 กลุ่มโรคที่ไม่ต้อง "เกณฑ์ทหาร" เนื่องจากมีความไม่สมบูรณ์ของร่างกายในการเข้าเป็นทหารกองประจำการ ประกอบด้วย
หาช่องโหว่พ้น "เกณฑ์ทหาร"
ตามที่กล่าวมาข้างต้นว่า "เกณฑ์ทหาร" เป็นหน้าที่ของชายไทย ซึ่งจากข้อยกเว้นของผู้ที่ไม่ต้องการเป็นทหารเกณฑ์นั้น มีอยู่ 2 ทางเท่านั้น
ประเด็นแรก การป่วยเป็น 15 กลุ่มโรค หากพบว่าป่วยจริง ถือว่าเหมาะสมที่ควรได้รับการยกเว้น แต่หากในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเสมอ และถูกสังคมตั้งคำถามมาหลายครั้ง ถึงการเจ็บป่วยบางโรค อาทิ หอบหืด ถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการหลีกเลี่ยง ไม่ต้อง "จับใบดำใบแดง"
แม้ว่าหลักฐานสำคัญในการใช้ยืนยันว่าป่วยจริงคือ "ใบรับรองแพทย์" และ "ประวัติการรักษา" ถือว่าเป็นหลักฐานที่เหมาะสม แต่ในทางกลับกันก็เป็นช่องว่างด้วยเช่นกัน
ไม่อยากถูกบังคับเป็น "ทหารเกณฑ์"
คุณดาว (นามสมมติ) ผู้ปกครองของทหารเกณฑ์ท่านหนึ่ง เปิดใจกับ "Nation STORY" ว่า ไม่มีใครอยากให้ลูกถูกบังคับให้ไปเป็นทหารเกณฑ์ เธอเองก็เช่นกัน เพราะทำให้สูญเสียโอกาสในชีวิตขั้นต่ำ 6 เดือน ในกรณีจบปริญญาตรีและยื่นความจำนงค์สมัคร แต่หากวัดดวงจับได้ใบแดงก็เสียเวลาไป 1 ปีเต็มๆ ไม่รวมความเป็นห่วงเรื่องความรุนแรงในค่ายทหารที่เป็นข่าวอยู่เนื่องๆ ดังนั้นเธอต้อง "วิ่งทหาร" ยอมจ่ายเพื่อไม่ให้ลูกต้องเข้าไปอยู่ในกรมกอง
"พี่รู้ไหม เดี๋ยวนี้เหมือนเสือนอนกิน คนที่เราไปติดต่อเขาบอกว่า ให้ไปหาใบรับรองแพทย์มาให้ว่าป่วย แล้วหมอที่ไหนจะออกให้เรา ประวัติการรักษาหอบหืดไม่มี แล้วเราไม่ใช่คนใหญ่คนโต ยิ่งเห็นชื่อโรคที่จะให้ลูกเราเป็นไม่ไหวนะ ถ้าต้องลงในประวัติเกณฑ์ทหารว่ามีประวัติป่วยเป็นโรคพวกนั้น (15 กลุ่มโรค) เท่ากับทำลายอนาคตลูก"
คุณดาว บอกอีกว่า ลูกประชาชนคนตาดำๆ ไม่มีเส้นสาย สุดท้ายก็ต้องยอมให้ลูกวัดดวง สุดท้ายทุกวันนี้ลูกชายต้องออกจากงานที่ทำ ไปเป็นทหาร 1 ปี ถามว่าเงินเดือนทหารเกณฑ์ที่ได้มาไม่ถึงหมื่น ชีวิตที่ไปอยู่ในค่ายทหาร มันคุ้มกันไหมกับสิ่งที่ลูกชายต้องเสียไป
ขณะที่ "เอ" ลูกชายของคุณดาว บอกกับ "Nation STORY" ว่า ไม่มีใครอยากถูกบังคับ ผมก็ไม่ได้อยากเป็นทหารเกณฑ์ ยิ่งพอเป็นแล้วรู้สึกว่าหลังฝึกเสร็จ 3 เดือนแรก ก็แทบไม่มีอะไรที่ทำเป็นชิ้นเป็นอัน ยิ่งวันหยุดยิ่งน่าเบื่อ ต้องอยู่แต่ในกรม ออกไปไหนไม่ได้ ยกเว้นลากลับบ้าน บางทีวันหยุดก็อยากไปไหนมาไหนบ้าง
เรียนรด. ไม่ใช่เรื่องง่ายๆอีกต่อไป
ส่วนประเด็น "เรียนรด." สำหรับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ในอดีตนั้นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สามารถสมัครเข้าเรียนรด.ได้ทุกคน แต่ในปี 2553 ได้กำหนดให้ผู้ที่จะเรียนรด. จะต้องผ่านเกณฑ์ทดสอบสมรรถภาพเพื่อคัดเลือกนักศึกษาวิชาทหาร ประกอบด้วย
ผู้ชาย
ผู้หญิง
การทดสอบแต่ละประเภทมีคะแนนเต็ม 100 คะแนน หากสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ จะได้รับคะแนนเต็มในส่วนนั้น ๆ หากได้คะแนนเต็มทั้ง 3 ส่วน จะสามารถรายงานตัวเข้ารับการฝึกได้ทันที
มาตรการสกรีนคนจากการทดสอบสมรรถภาพ ส่งผลผู้ประสงค์เข้าเรียนรด.ที่ไม่ผ่านการทดสอบ ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเมื่ออายุ 21 ปีบริบูรณ์ เมื่อเกิดความเสี่ยงต้องไปวัดดวงกับ "ใบดำใบแดง" ทำให้ต้องเตรียมพร้อมทางร่างกายให้เต็มที่ ในขณะเดียวกันกับเกิดสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลในการ
คุณชมพู่ คุณแม่ของลูกชาย 2 คน ที่อยู่ในระดับม.ปลาย บอกกับ "Nation STORY" ว่า ลูกชายคนโตเป็นคนแข็งแรง สามารถผ่านการทดสอบตั้งแต่รอบแรก ได้เรียนสนใจ แต่ลูกชายคนรอง อาจจะเตรียมตัวน้อยไปบ้าง ในการทดสอบครั้งแรกไม่ผ่าน แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ เพื่อนของลูกชายคนรอง ซึ่งทำการทดสอบแย่กว่า กลับผ่านการคัดเลือกเข้าไปเรียนรด. ทำให้เกิดคำถามในใจมากมายว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนี้
"ไม่ได้อยากกล่าวหามาก แต่มันมีการพูดถึงการจ่ายเพื่อให้ได้เรียน ซึ่งในปีต่อมาลุกชายเตรียมตัวมากขึ้น ผ่านไปเรียนรด.ได้ก็โล่งใจ เพราะเราเองก็ไม่ได้อยากให้ลูกเป็นทหารเกณฑ์"
คุณชมพู่ บอกเราอีกว่า นโยบายการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ส่งผลกระทบกับเด็กๆมาก ลูกชายถึงกับมาบอกว่า จะไม่เรียนรด.แล้วได้ไหม เพราะเดี๋ยวเขาก็ยกเลิก จะไม่มีเกณฑ์ทหารแล้ว ก็บอกลูกไปว่าไม่ได้ มันไม่มีอะไรแน่นอน เอาจริงๆคนที่ยอมเรียน รด. คือคนที่ไม่อยากถูกเกณฑ์ทหารและคนที่อยากไปสอบเข้าในหน่วยงานทหารต่างๆ
แม้ว่า กระทรวงกลาโหม บอกว่าพยายามให้เกิดทหารสมัครใจ แต่ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้คนที่ผ่านการ "เกณฑ์ทหาร" คือคนที่ไม่ได้สมัครใจเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลกระทบต่อคนหลายหมื่นคนต่อปี สิ่งนี้จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องเร่งหาทางออก เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด