svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

16 กุมภาพันธ์ วันอัลมอนด์ ถั่วที่เต็มไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ

16 กุมภาพันธ์ เป็น "วันอัลมอนด์" ถั่วเปลือกแข็ง ที่เต็มไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ และ "ดีต่อหัวใจ" พร้อมรู้จักจุดกำเนิด เจ้าถั่วชนิดนี้มาจากไหนกันนะ

คุณรู้หรือไม่ 16 กุมภาพันธ์ เป็น "วันอัลมอนด์" ถั่วที่ได้ชื่อว่าเป็น "ราชินีแห่งถั่ว" ที่เต็มไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ Nation Story จึงถือโอกาสนี้ ขอพาไปรู้จักเจ้า "อัลมอนด์" กัน 

จุดกำเนิด
ภาพจาก pixabay
หากไล่กันตามไทม์ไลน์ ว่ากันว่า "อัลมอนด์" เกิดในเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก และแถบเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีชาวกรีกบันทึกไว้ว่า ถั่วเปลือกแข็งชนิดนี้เป็นอาหารและใช้ทำยา เมื่อราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล

ต่อมา ค.ศ.100 ชาวโรมันกินอัลมอนด์ในขนมปังและของว่าง ก่อนที่ในช่วง ค.ศ.600-900 เริ่มมีการปลูกอัลมอนด์ ในสเปน โมร็อคโค กรีซ อิสราเอล แล้วเดินทางไปตามเส้นทางสายไหมสู่จีน

จากนั้น ในยุค 1700s คณะนักบวชฟรานซิสกัน ได้นำต้นอัลมอนด์จากสเปนไปปลูกในแคลิฟอร์เนีย จน 10 ปีต่อมา การปลูกอัลมอนด์ก็เติบโตในแคบิฟอร์เนีย กระทั่ง ค.ศ.2000 รัฐแคลิฟอร์เนียปลูกอัลมอนด์มาก อีกทั้ง ยังส่งออกมากที่สุด ราว 80 เปอร์เซ็นต์ ส่งขายทั่วโลก ส่วนที่เหลือก็กินในประเทศ

ภาพจาก pixabay
ส่วนประเทศอื่นๆ ก็นิยมอัลมอนด์ ไม่น้อย อย่างในญี่ปุ่น มีการทำขนมอบจากอัลมอนด์ , จีนเองก็ชอบกินเจ้าถั่วนี้ในฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว ขณะที่อินเดียนิยมให้อัลมอนด์เป็นของขวัญในเทศกาล Diwali

นอกจากนี้ ในอังกฤษ นิยมใส่อัลมอนด์ในขนมอบ รวมถึง นิยมให้เป็นของขวัญด้วย สำหรับที่อเมริกา อัลมอนด์ ถูกนำไปทำสารพัดเมนู ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ อัลมอนด์บัตเตอร์ นม และน้ำมัน

ประโยชน์ของอัลมอนด์ ที่มีต่อสุขภาพ 
ภาพจาก pixabay

  • "ราชินีแห่งถั่ว" ดีต่อหัวใจ

จากข้อมูลในเว็บไซต์ hellokhunmor พบว่า อัลมอนด์ มีระดับโปรตีน โพแทสเซียม และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้สำคัญต่อระบบหัวใจ และหลอดเลือด 

ถั่วชนิดนี้ ยังเป็นแหล่งรวมของแมกนีเซียมและวิตามินอี ช่วยป้องกันจากความเสี่ยงที่จะเกิดหัวใจวาย หรือโรคเกี่ยวกับหัวใจชนิดอื่นๆ อีกทั้ง ยังลดผลของซีรีแอคทีฟโปรตีน (C-reactive protein) ที่เป็นต้นเหตุของอาการอักเสบซึ่งทำให้หลอดเลือดแดงได้รับความเสียหาย

อัลมอนด์ยังมีกรดโฟลิกจำนวนมาก ที่สามารถลดระดับของสารโฮโมซีสทีน ส่งผลให้คราบไขมันไม่สามารถสะสมในหลอดเลือดแดงได้ นอกจากนี้ แมกนีเซียม ยังมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับความดันโลหิต จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจด้วย

  • ช่วยควบคุมไขมัน

อัลมอนด์ ยังเป็นถั่วที่ช่วยลดไขมันไม่ดีในเลือด (LDL) จากกรดไขมันไม่อิ่มตัวในอัลมอนด์ รวมถึง ช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) และมีส่วนลดไตรกลีเซอไรด์

  • ช่วยบำรุงกระดูก

เนื่องจากอัลมอนด์มีสารโพแทสเซียมและแคลเซียมสูง จึงช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูก แล้วยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุเป็นโรคกระดูกพรุน นอกเหนือจากนั้น ยังลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงด้วย

  • ช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือด

อัลมอนด์มีแมกนีเซียมที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดอัตราเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด 

  • ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง

อัลมอนด์ มีไฟเบอร์และแร่ธาตุ ที่ดีต่อระบบการย่อยอาหาร ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง จึงส่งผลต่อการเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย

  • เหมาะช่วยคุมน้ำหนัก

อัลมอนด์มีไขมันชนิดดี โปรตีนและไฟเบอร์ แถมแคลอรี่ต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่เหมาะกับการช่วยควบคุมน้ำหนัก

  • กินอัลมอนด์แบบไหนดีที่สุด

สำหรับการกินอัลมอนด์นั้น วิธีการอบถือว่าดีที่สุด ไม่ต้องใส่เกลือมาก ไม่ต้องโรยน้ำตาล หรือกินแบบของว่าง และเบเกอรี่ ซึ่งอัลมอนด์บดเป็นแป้งชั้นดีสำหรับทำมาการอง ขนมอบ และทำนมอัลมอนด์ อัลมอนด์ทั้งเมล็ด หรือสไลซ์ใช้โรยสลัด ซุป พาสต้า

อัลมอนด์ ถือเป็นถั่วที่มีคุณประโยชน์กับสุขภาพดังที่กล่าวมา อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวัง สำหรับคนที่แพ้พืชตระกูลถั่ว อาจมีแนวโน้มแพ้อัลมอนด์ อาการคือ หายใจลำบาก เป็นลมพิษ จนถึงภาวะภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน

ส่วนวิธีป้องกัน คือ รู้จักกินพอดี ข้อมูลจากฝรั่งบอกไว้ว่าวันละ 1 หยิบมือ หรือ 1 ออนซ์ หรือประมาณ 23 เมล็ด ก็นับว่ามากอยู่ เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกินขนาดนั้น หรือกินทุกวันๆ ก็ควรกินอัลมอนด์สลับกับถั่วหรือธัญพืชชนิดอื่น


ขอบคุณข้อมูล
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/food/1057222
https://hellokhunmor.com
https://www.artculture4health.com/pun/articles/view/770
healthline.com
almonds.com

ขอบคุณภาพจาก 
https://pixabay.com