
กลายเป็นประเด็นฮือฮาในสังคม และยุคที่ผู้คนตื่นตัวในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV กรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า มีการค้น พบแร่ลิเทียมในไทย ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งสอดรับกับการที่ นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เร่งสำรวจจนพบแหล่ง "แร่ลิเทียม" ที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งเรืองเกียรติ และแหล่งบางอีตุ้ม
รวมถึงยังค้นพบแหล่ง "แร่โซเดียม" ในพื้นที่ภาคอีสาน ปริมาณสำรองอีกจำนวนมาก ซึ่งแร่ทั้งสองชนิดนี้ ถือเป็นแร่หลัก หรือวัตถุดิบสำคัญ ที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100% เสริมศักยภาพความพร้อมของไทย ในการเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลาง และฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV ในภูมิภาค
ข่าวดังกล่าว แม้จะยังไม่ได้การยืนยันข้อมูล แต่ก็สร้างความหวัง และความตื่นเต้นให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย เพราะหากเป็นความจริง ก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพ ในการแข่งขันของประเทศ ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ที่มีศักยภาพเข้ามาตั้งโรงงาน ท่ามกลางการแข่งขันของนานาประเทศ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเรื่องนี้ จะต้องดูข้อเท็จจริงให้รอบด้าน โดย รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้มีการโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant และ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ระบุว่า ......
"ประเทศไทย พบแหล่งแร่ ที่มีธาตุลิเทียม จริง แต่ไม่น่าจะใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกนะครับ"
มีรายงานข่าวเผยแพร่กันอย่างน่าตื่นเต้นว่า "ข่าวดี พบแร่ลิเทียมในไทย ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เพิ่มศักยภาพผู้นำผลิตรถยนต์ EV ในอาเซียน" (เช่น จาก https://www.topnews.co.th/news/878414) ซึ่งก็นับว่า เป็นข่าวดีจริง ๆ ครับ ที่เราค้นพบหินแร่ธาตุหายาก ที่กำลังเป็นที่ต้องการ ของทั้งในไทยเราเอง และในต่างประเทศ อย่างเช่น ธาตุลิเทียม ... แต่ประเด็นคือ ไทยเรามีลิเทียมเยอะมาก ขนาดนับเป็นอันดับ 3 ของโลกเชียวหรือ ?
ผมว่านักข่าวน่าจะเข้าใจผิดกันนะครับ เพราะตัวเลข "14.8 ล้านตัน" ที่เป็นข่าวกันว่า เยอะเป็นอันดับ 3 ของโลกนั้น เป็นปริมาณของหินแร่ที่ชื่อว่า "หินเพกมาไทต์ " ซึ่งมีธาตุลิเทียมปะปนอยู่ เฉลี่ย 0.45% และจะต้องนำมาถลุงสกัดเอาลิเทียมออกมาก่อน ... เมื่อคำนวณคร่าว ๆ แล้ว ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6-7 หมื่นตัน แค่นั้นเองครับ !?
#ถ้าผมคำนวณหรือเข้าใจอะไรผิดพลาด รบกวนช่วยเข้ามาแลกเปลี่ยน อธิบายให้ฟังด้วยนะครับ !
อ.เจษฎ์ ระบุว่า ตามรายละเอียดของข่าว ระบุว่า กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้ออกใบอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษจำนวน 3 แปลง เพื่อสำรวจแหล่งลิเทียม ในพื้นที่อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา / พบหินอัคนีเนื้อหยาบมากสีขาว หรือ "หินเพกมาไทต์" ซึ่งเป็นหินต้นกำเนิดที่นำพา "แร่เลพิโดไลต์" สีม่วง หรือแร่ที่มีองค์ประกอบของลิเทียม มาเย็นตัวและตกผลึก จนเกิดเป็นแหล่งลิเทียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่ "แหล่งเรืองเกียรติ" มีปริมาณสำรองประมาณ 14.8 ล้านตัน เกรดลิเทียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45% (อยู่ในเกรดระดับกลาง) และ "แหล่งบางอีตุ้ม" ที่อยู่ระหว่างการสำรวจขั้นรายละเอียด เพื่อประเมินปริมาณสำรอง / นอกจากนี้ ยังอาจจะพบได้ในอีกหลายแห่ง ในภาคใต้และภาคตะวันตก (จังหวัดราชบุรี) ที่ได้ออกใบอาชญาบัตรสำรวจแร่ลิเทียมไป 6 ราย
ซึ่งรายงานข่าวยังอ้างต่อว่า แหล่งลิเทียมเรืองเกียรตินี้ เป็นแหล่งที่มีปริมาณแร่ลิเทียม มากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากประเทศโบลิเวีย และอาเจนตินา / หากได้รับประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่แล้ว (ในอีก 2 ปี) คาดว่าจะเริ่มทำเหมืองได้ และสามารถนำลิเทียมมาเป็นวัตถุดิบ เพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาด 50 kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน
ซึ่งถ้าเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า Tesla โมเดล S หนึ่งคัน ที่ใช้ธาตุลิเทียมสำหรับทำแบตเตอรี่ประมาณ 62.6 กิโลกรัม (อ้างอิง https://blog.evbox.com/ev-battery-weight) ถ้ามี 1 ล้านคัน ก็ใช้ลิเทียมไป 62.6 ล้านกิโลกรัม หรือเท่ากับ 62,600 ตัน แค่นั้นเอง !
ซึ่งตัวเลข 6.26 หมื่นตัน นี้ก็ใกล้เคียงกับปริมาณของธาตุลิเทียม ที่คำนวณจากหินเพกมาไทต์ จากแหล่งเรืองเกียรติ ปริมาณประมาณ 14.8 ล้านตัน และมีเกรดลิเทียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45% ซึ่งก็เท่ากับมีลิเทียมอยู่ 0.0666 ล้านตัน หรือ 6.66 หมื่นตัน !
ทีนี้ ถ้าเอาตัวเลข 6.66 หมื่นตันเป็นตัวตั้งว่า ประเทศไทย ณ ขณะนี้ มีปริมาณธาตุลิเทียม ที่น่าจะผลิตออกมาได้จากหินเพกมาไทด์ ไปเทียบกับข้อมูลแหล่งลิเทียมของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ที่ USGS หรือ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประมาณการไว้ล่าสุด ในปี 2023 ที่ผ่านมา จะเห็นว่ายังห่างไกลจากประเทศ Top10 อื่น ๆ เป็นอย่างมาก
ทั่วโลกมีแหล่งทรัพยากรธาตุลิเทียมประมาณ 98 ล้านตัน โดยอเมริกาใต้เป็นทวีปที่มีปริมาณทรัพยากรชนิดนี้มากที่สุด เรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้ดังนี้: โบลิเวีย 21 ล้านตัน; อาร์เจนตินา 20 ล้านตัน; ชิลี 11 ล้านตัน; ออสเตรเลีย 7.9 ล้านตัน; จีน 6.8 ล้านตัน; เยอรมันนี 3.2 ล้านตัน; คองโก 3 ล้านตัน; แคนาดา 2.9 ล้านตัน; เม็กซิโก 1.7 ล้านตัน; สาธารณรัฐเชค 1.3 ล้านตัน; เซอร์เบีย 1.2 ล้านตัน; รัสเซีย 1 ล้านตัน; เปรู 880 000 ตัน; มาลิ 840 000 ตัน; บราซิล 730 000 ตัน; ซิมบับเว 690 000 ตัน; สเปน 320 000 ตัน; ปอร์ตุเกส 270 000 ตัน; นามิเบีย 230 000 ตัน; กานา 180 000 ตัน; ฟินแลนด์ 68 000 ตัน; ออสเตรีย 60 000 ตัน; และคาซักสถาน 50 000 ตัน (จาก https://pubs.usgs.gov/periodi.../mcs2023/mcs2023-lithium.pdf)
**และถ้าดูจากลำดับประเทศที่ "ขุดเหมือง-ถลุงลิเทียม" ขึ้นมาได้จริงๆ แล้ว ก็ไม่ใช่ประเทศที่มีแหล่งแร่ลิเทียมเยอะที่สุด อย่างโบลิเวียและอาร์เจนตินา ด้วย แต่กลับเป็นออสเตรเลีย
จริงๆ แล้ว ข่าวเกี่ยวกับการ "เปิดแหล่งลิเทียมภาคใต้คุณภาพสูง แหล่งผลิตแบตเตอรี่ EV แห่งใหม่ในอนาคต" นั้น มีมาตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนมกราคมแล้ว โดยเน้นเรื่องการผลงานวิจัยของ “ผศ.ดร.อลงกต ฝั้นกา” หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยแร่และศิลาวิทยาประยุกต์ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ที่ศึกษาลักษณะเฉพาะและศักยภาพของแหล่งลิเทียมในจังหวัดพังงา (ดู https://www.springnews.co.th/keep-the-world/energy/846905)
ซึ่งคณะผู้ศึกษาวิจัย ได้พบแหล่งลิเทียมอยู่ในรูปของแร่เลพิโดไลต์ (lepidolite) ที่พบในหินเพกมาไทต์ (pegmatite) และมีความสมบูรณ์ของลิเทียมสูง เฉลี่ยประมาณ 0.4 % สมบูรณ์กว่าแหล่งลิเทียมหลายแห่งทั่วโลก โดยเกิดจากการตกผลึกของแมกมา ที่ความสัมพันธ์กับหินแกรนิตที่กระจายตัวในพื้นที่ภาคใต้ และต่อเนื่องมายังพื้นที่อื่นๆ ของไทย มีความสัมพันธ์กับแหล่งแร่อื่นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ดีบุกและธาตุหายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญในด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่สามารถขยายผลสู่การ จึงน่ามีการสำรวจและพัฒนาทรัพยากรนี้ เพื่อกระตุ้นการลงทุนด้านอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ (อ่านรายละเอียดบทความวิจัย ได้ที่ https://www.frontiersin.org/.../feart.2023.1221485/full)
แต่ตอนนั้นไม่มีการกล่าวอ้างเรื่องที่ว่า แหล่งแร่ลิเทียมในไทยใหญ่เป็น "อันดับ 3 ของโลก" แต่อย่างไร ... พึ่งจะมามีอ้างกัน ก็ตอนแถลงข่าวช่วงสัปดาห์นี้เอง ไม่ทราบว่ามาจากไหนกัน
เน้นอีกครั้งว่า #ถ้าผมคำนวณหรือเข้าใจอะไรผิดพลาด รบกวนช่วยเข้ามาแลกเปลี่ยนอธิบายให้ฟังด้วยนะครับ !
เพื่อเสริมความรู้เกี่ยวกับ "แหล่งแร่ลิเทียมในโลก" ก็ขอเอาข้อมูลเรื่องนี้ มาสรุปเล่าให้ฟังเพิ่มเติมด้วยครับ (อ้างอิงอยู่ด้านล่าง)
- ลิเทียม (Li) คือเป็นโลหะเบาที่สุดในโลหะทั้งมวล ทนความร้อนได้สูง และสามารถประจุพลังงานในแบตเตอรี่ได้เป็นปริมาณสูงมาก ปัจจุบัน ลิเทียมเป็นส่วนประกอบหลักของเซรามิกชนิดทนความร้อน แก้ว อยู่ในแบตเตอรี่คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เครื่องฟอกอากาศ จาระบีหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ ฯลฯ และลิเทียมยังถูกนำมาใช้ในแบตเตอรี่ความจุสูง ชนิดประจุใหม่ได้เพิ่มมากขึ้น ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดที่กำลังเติบโต ได้ทำให้ความต้องการลิเทียมสูงขึ้น
- ทุกวันนี้ แม้ว่าการทำเหมืองลิเทียมจะมีอยู่ในเกือบทุกทวีป (ยกเว้นแอนตาร์กติกา หรือขั้วโลกใต้) แต่ปริมาณสำรองของลิเทียมทั้งหมดนั้น มากถึง 3 ใน 4 จะอยู่ในเขตที่ราบสูงอัลติปลาโน-ปูนา ซึ่งทอดยาว 1,800 กิโลเมตร ในเทือกเขาแอนดีส ทวีปอเมริกาใต้
- ทุกวันนี้ แหล่งที่มาใหญ่ๆ ของลิเทียมจะมี 2 แบบ คือจากแร่ในหินแข็ง และจากชั้นน้ำเกลือ (brine) โดยในหินแร่ที่มีลิเทียมเป็นส่วนประกอบ ก็เช่น แร่สปอดูมีน (Spodumene, LiAlSi2O6) และแร่เลพิโดไลต์ (Lepidolite, เรียกง่ายๆ ว่า ลิเทียมไมกา) โดยแร่พวกนี้ส่วนใหญ่จะเกิดร่วมอยู่ในสายเพกมาไทต์ ซึ่งเป็นหินแกรนิตเนื้อหยาบ
- ส่วนอีกแบบ คือลิเทียมที่พบอยู่ในชั้นน้ำเกลือ (เรียกง่ายๆ ว่า ลิเทียมคาร์บอเนต) ซึ่งมีแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมอาณาบริเวณอยู่ใน 3 ประเทศลาตินอเมริกา (สามเหลี่ยมลิเทียม Lithium Trinagle) โดยแหล่งชั้นน้ำกลือที่มีลิเทียมนั้นพบอยู่หนาแน่นที่สุดในประเทศชิลี อาร์เจนตินา และโบลิเวีย ซึ่งชิลีได้เริ่มสกัดลิเทียมจากน้ำเกลือมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 และมีแหล่งที่ชื่อ “ซาลาร์เดอาตากามา” (Salar de Atacama) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตลิเทียมแหล่งใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกาในปัจจุบัน
- แร่ในหินแข็ง เป็นแหล่งที่มาหลักของลิเทียมจนถึงทศวรรษ 1990 แหล่งแบบน้ำเกลือที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า ก็เริ่มเข้ามาแทนที่ (ชิลีเริ่มผลิตลิเทียมจากน้ำเกลือในปี 1984 ต่อมาในปี 1991 มีการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ในเชิงพาณิชย์ เป็นครั้งแรก)
- หากมองถึงกรรมวิธีการสกัดลิเทียม การแต่งแร่จากหินแข็งจะทำได้เร็วกว่า แต่แพงกว่า ส่วนการแต่งแร่จากน้ำเกลือ โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า แต่ใช้เวลานานกว่า
- แหล่งแร่ที่มีลิเทียมจะถูกขุดจากเหมือง ก่อนผ่านกระบวนการแยกแร่ โดยสินแร่จะถูกบดย่อย และแร่ลิเทียมถูกแยกมาเป็นหัวแร่ จากนั้นก็ผ่านกระบวนทางเคมี อาทิ การกรองด้วยกรดและการเผา ทำให้ได้สารที่มีองค์ประกอบหลักเป็นลิเทียม ระยะเวลาการผลิตแบบนี้น้อยกว่า 1 เดือน
- ส่วนในชั้นน้ำเกลือ บ่อที่ขุดเจาะลงไปจะสูบน้ำเกลือที่มีลิเทียม ขึ้นมาบนผิวดิน แล้วน้ำเกลือจะถูกเคลื่อนย้ายและตากอยู่ในบ่อพักหรือบ่อระเหย เพื่อทำให้ลิเทียมเข้มข้นขึ้น และแยกสิ่งปนเปื้อนออก จากนั้นนำน้ำเกลือเข้มข้นผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อให้ได้สารประกอบลิเทียม ซึ่งจะถูกกรองออกมา และทำให้แห้ง การผลิตแบบนี้ใช้ระยะเวลาราว 8 – 18 เดือน
- สำหรับในประเทศไทย มีบริษัทเอกชนดำเนินการสำรวจแร่ ลิเทียม ดีบุก ทังสเตน ทองแดง ตะกั่ว สังกะสี (เป้าหลักอยู่ที่ลิเทียมและดีบุก) ตามที่ได้รับอาชญาบัตรไปจาก กพร. ในบริเวณ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีการทำเหมืองแร่ดีบุก มาช้านานเกิน 100 ปี โดยเทือกเขาหินแกรนิตที่เคยให้แร่ดีบุกนั้น จะมีสายของเพกมาไทต์และแร่เลพิโดไลต์ (หรือลิเทียมไมกา) แทรกอยู่ทั่วไป
- จากผลการเจาะสำรวจเมื่อเดือนมกราคม 2565 ใน 2 พื้นที่ศักยภาพ เขต อ.ตะกั่วทุ่ง ซึ่งเป็นขุมเหมืองดีบุกเก่า คือ พื้นที่แหล่งแร่เรืองเกียรติ (ตำบลกะไหล) และพื้นที่แหล่งแร่บางอิต๋ำ (ต.ถ้ำ) พบร่องรอยของสายแร่ต้นก่าเนิด ก็คือสายเพกมาไทต์-เลพิโดไลต์ ความยาวมากกว่า 500 เมตรเช่นเดียวกัน โดยแหล่งแร่เรืองเกียรติ สามารถประเมินค่าความสมบูรณ์ของแหล่ง มีค่าลิเทียมไดออกไซด์ (Li2O) 0.6 - 0.8% คิดเป็นปริมาณส่ารองเบื้องต้นประมาณ 5 - 10 ล้านตัน ส่วนแหล่งแร่บางอิต๋ำ ประเมินค่าความสมบูรณ์ของแหล่งที่ Li2O 0.6 - 0.8% คิดเป็นปริมาณส่ารองเบื้องต้นประมาณ 2 - 4 ล้านตัน
ข้อมูลจาก บทความเรื่อง GEO STORY : ธรณีเล่าเรื่อง. แลโลกลิเทียมที่ตะกั่วทุ่ง (๒). โดย รชฏ มีตุวงศ์. (https://www.dpim.go.th/service/download?articleid=14511...) และ บทความเรื่อง GEO STORY : ธรณีเล่าเรื่อง. แลโลกลิเทียมที่ตะกั่วทุ่ง (๓). โดย รชฏ มีตุวงศ์. (https://www.dpim.go.th/service/download?articleid=14604...)
ข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ,
อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์