
15 พฤศจิกายน 2566 โรงพยาบาลตำรวจ ถือเป็นหัวใจหลักในการดูแลรักษาข้าราชการตำรวจ และ ครอบครัว รวมทั้งประชาชาชนทั่วไป ที่มีความพร้อมทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ และเครื่องไม้เครื่องมือในการดูแลผู้ป่วย
บางครั้งตำรวจ บางนายต้องปฎิบัติหน้าที่จนไม่มีเวลามาตรวจร่างกาย หรือ เข้ารับการรักษา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีนโยบายดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตำรวจ โดยมอบหมายให้ โรงพยาบาลตำรวจ ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการข้าราชการตำรวจและครอบครัว ณ ที่ตั้งเพื่อความสะดวกในการตรวจรักษา
พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ (สบ 8) รักษาราชการแทนนายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผย "เนชั่นออนไลน์" ตามนโยบายเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในการดูแลครอบครัวตำรวจ รวมถึงข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ เพื่อออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ของโรงพยาบาลตำรวจ
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรงพยาบาลตำรวจ เริ่มออกหน่วยตรวจครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
โดยมีบริการทางการแพทย์ อาทิ ให้บริการคัดกรองความเสี่ยงทางหัวใจ, ให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาอาการปวดกล้ามเนื้อ, ให้บริการตรวจความแข็งเเรงของกล้ามเนื้อ, การตรวจวัดความดันลูกตา, ให้บริการตรวจโรคทั่วไป, ให้บริการด้านทันตกรรม, ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ, ฝึกอบรม CPR และฝึกอบรมสัมมนา "ครูแม่ไก่" เพื่อไปสอนบุคลากรในหน่วยงาน
หลังจากนั้นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรงพยาบาลตำรวจ กระจายไปตรวจรักษาข้าราชการตำรวจ และครอบครัว ทั่วประเทศ เพื่อดูแลสุขภาพทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ ซึ่งแทนที่ข้าราชการตำรวจ และครอบครัว จะเดินทางมาตรวจรักษาเองที่โรงพยาบาลตำรวจ
พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่า จากสถิติการตรวจร่างกายข้าราชการตำรวจ ส่วนมากโรคที่พบคือ ความดันสูง อ้วน ไขมันสูง ทางแพทย์ได้มีการแนะนำให้ความรู้ข้าราชการตำรวจต้องรักษาสุขภาพของตัวเอง อย่างเช่น ต้องควบคุมน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลตำรวจ ยังมีโครงการ ลดละเลิกสูบบุหรี่ หรือที่เรียกว่า "คลินิกฟ้าใส" จนสามารถสร้างเสริมสุขภาพตำรวจดีขึ้นได้
นอกจากนี้ ความเครียด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นกับข้าราชการตำรวจ ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจ มีโครงการตรวจสุขภาพจิตตำรวจทั่วประเทศ รวมทั้งมีช่องการให้คำแนะนำ ให้คำปรักษาเรื่องสุขภาพจิต ผ่านสายด่วนฮอตไลน์ และเพจเฟซบุ๊ก Depress We Care ที่คอยให้คำปรึกษาปัญหาโรคซึมเศร้ากับตำรวจ และครอบครัว ตลอด 24 ชั่วโมง
กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด รพ.ตำรวจ
ขณะเดียวกัน โรงพยาบาลตำรวจ เป็นอีกหนึ่งโรงพยาบาลที่มี กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด เพื่อให้คำแนะนำปรึกษาข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมถึงประชาชนชนทั่วไป ที่เกิดภาวะความเครียด
พ.ต.อ.เกริกกมล แย้มประยูร นายแพทย์ (สบ 5) หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยถึงภาระกิจหลักๆของกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด คือ ตรวจรักษาผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด โดยให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยประมาณ 1,000 รายต่อเดือน ซึ่งทำให้ข้าราชการตำรวจ มีช่องทางด่วนในการขอคำแนะนำปรึกษาเพื่อให้บริการที่รวดเร็ว
ทั้งนี้ พบว่าผู้ป่วยที่รับการรักษาพบมากที่สุดคือ ภาวะซึมเศร้า รองลงมาคือ ปัญหาที่เกิดจากการปรับตัวในการปฎิบัติหน้าที่ และความวิตกกังวล โดย กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด จะมีการตรวจสุขภาพจิตของข้าราชการตำรวจ ประจำทุกปี เมื่อพบว่ามีปัญหา หรือประเมินแล้ว มีความเสี่ยงที่อาจก่อเหตุรุนแรงต่อตัวเอง และผู้อื่น ทางเราจะมีนักจิตวิทยาของกลุ่มงานจิตวิทยาและยาเสพติด ติดต่อไปเพื่อประคับประคองจิตใจ แนะนำช่องทางในการเข้าสู่ระบบการรักษาได้อย่างเหมาะสม
สำหรับช่องทางการติดต่อ กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด มีบริการให้คำปรึกษาสุขภาพจิต 2 ช่องทางคือ สายด่วน 08-1932-0000 และ เพจเฟซบุ๊ก Depress We Care ซึ่งท่านใดที่ไม่สะดวกโทรมาปรึกษาพูดคุย สามารถส่งข้อความ เข้ามาที่เพจเฟซบุ๊ก Depress We Care โดยจะมีนักจิตวิทยา คอยให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง
สถิติผู้ที่เข้ามาใช้บริการและขอคำปรึกษาที่เพจ Depress We Care ในแต่ละปีจะมีประมาณ 1,400 ครั้ง แบ่งเป็นประชาชน 1,100 ครั้ง ข้าราชการตำรวจและครอบครัว 300 ครั้ง โดยส่วนใหญ่เกิดจากภาวะความเครียด ซึมเศร้า ปัญหาปรับตัวในครอบครัว และที่ทำงาน
พ.ต.อ.เกริกกมล เปิดเผยถึงการฝึกอบรมบุคลากร กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญให้ข้าราชการตำรวจมีความรู้เรื่องภาวะจิตเวช ในการรู้จักสังเกตุอาการ พฤติกรรมต่างๆที่แสดงถึงความผิดปกติ หรือ สัญญาณเตือนการฆ่าตัวตาย รวมถึงสามารถสร้างเครือข่ายดูแลสุขภาพจิตในชุมชน รวมถึงการมีความรู้ต่อภาวะสุขภาพจิต เพื่อส่งต่อผู้เชี่ยวชาญได้ตามความเหมาะสมให้ทันการ
กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด ยังมีโครงการฝึกที่ดำเนินการมาแล้ว 2 โครงการ คือ "โครงการสร้างเสริมสุขภาพชีวิตข้าราชการตำรวจและครอบครัว" เป็นการอบรมผ่านระบบออนไลน์ ข้อดีก็คือ สามารถอบรมบุคลากรได้มาก โดยเมื่อเดือน มิ.ย. 2566 สามารถอบรมข้าราชการตำรวจและครอบครัวได้ถึงประมาณ 7,400 คน ข้าราชการตำรวจ 4,800 นาย และครอบครัวตำรวจ 2,600 คน
และอีกหนึ่งโครงการคือ "ครูแม่ไก่ หรือ โครงการจิตแพทย์น้อย" เป็นโครงการฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ โดยการคัดเลือกข้าราชการตำรวจ ที่ผ่านการอบรมแบบออนไลน์ เข้ามาทำการอบรมเชิงปฎิบัติการ แบ่งเป็น 5 รุ่น แต่ละรุ่นประมาณ 100 นาย ซึ่งอบรมไปเมื่อเดือน ก.ย. 2566 มีจำนวนผู้เข้าอบรม 533 นาย
ทั้งนี้ หากข้าราชการตำรวจ และประชาชน เริ่มเห็นว่ามีความผิดปกติทางภาวะจิต ให้รีบเข้ารับการตรวจรักษาโดยจิตแพทย์ จากกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ ผ่านสองช่องทางคือ สายด่วน 08-1932-0000 และ เพจเฟซบุ๊ก Depress We Care เพื่อให้ทันต่อกันรักษาต่อไป
อย่างไรก็ตามเร็วๆ นี้ ผบ.ตร. มีการลงพื้นที่เพื่อประชุมสัญจรในตำรวจภูธรภาคต่างๆ จะเริ่มที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งจะนำทีมแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ไปร่วมโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ด้วย และจะทำลักษณะเดียวกันนี้กับพื้นที่ตำรวจภูธรภาคอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป