สรุปดรามา 2 เพจ เล่นมุก โยงคดีสะเทือนขวัญ "พรหมพิราม"

เรียกได้ว่าเป็นดรามาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล หลังจาก 2 เพจในเฟซบุ๊ก เล่นมุกโดยโพสต์ภาพผู้หญิง 2 คน หน้าป้ายสถานีรถไฟพรหมพิราม โยงคดีสะเทือนขวัญใน อ.พรหมพิราม ที่ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว ทำเอาชาวเน็ตเดือด ไม่ขำด้วย พร้อมฟาดกลับ มันสนุกหรอกับการเล่นมุกหรือสื่ออะไรเเบบนั้น

2 เพจข้างต้น เพจหนึ่งโพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า "ระวังคอเสื้อครับ" 

ส่วนอีกเพจโพสต์ภาพดังกล่าว และยังติดรูปมีมเชิงตลก เป็นผู้ชายกำลังถูมือพร้อมกับแลบลิ้น โดยระบุข้อความในโพสต์ว่า "หนุ่มพรหมพิรามยินดีต้อนรับ" ขณะที่ในภาพมีมมีข้อความว่า "หนุ่มพรหมพิราม"

หลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้คนเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก บางส่วนก็แสดงความคิดเห็นเชิงตลกขบขัน อีกส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับการเล่นมุกแบบนี้

ตัวอย่างคอมเมนต์ที่ไม่เห็นด้วย

- มุกนี้ไม่ขำนะครับ ขอให้ศึกษาดีๆ
- จิตสำนึกเป็นสิ่งสำคัญนะคะ
- มันไม่ตลกเลยนะเอาเรื่องสะเทือนใจมาเล่น
- อ่านเมนต์แซวแล้วหดหู่ ผ่านมาเป็นสิบๆปี จิตใจคนยังเหมือนเดิม 

นอกจากนี้ ในเอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์ ก็มีคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น

- คดีที่เผยความตกต่ำขั้นสุดของมนุษย์ จนวันนี้ก็ยังสะท้อนความตกต่ำนั้น 
- ชาวเน็ตพวกนี้โคตรจิตใจต่ำตม ชาวพรหมพิรามพยายามโปรโมตการท่องเที่ยวบ้านเขามากแค่ไหน เพื่อให้คนไปเที่ยวชาวบ้านในชุมชนจะได้มีอาชีพมีรายได้




สำหรับภาพที่ถูกทั้ง 2 เพจ นำมาโพสต์ พบว่า เป็นภาพที่เพจเฟซบุ๊ก พิดโลกจัดเต็ม เคยโพสต์โปรโมตการท่องเที่ยว อ.พรหมพิราม ช่วงปี ค.ศ.2021 โดยมีการแนะนำสถานที่เที่ยว ทั้งร้านอาหาร เครื่องดื่ม แหล่งท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาด

เช่น จอร์จ ยอดพิซซ่า Pizza Homemade ร้านพิซซ่าโฮมเมดชื่อดังประจำอำเภอ , RANNA 3 ร้านกาแฟสุดเก๋ หน้าสถานีรถไฟพรหมพิราม รวมไปถึง สถานีรถไฟพรหมพิราม อีกสถานที่แลนด์มาร์ค ที่สามารถแวะไปถ่ายภาพ สัมผัสบรรยากาศความคลาสสิค และเขื่อนนเรศวร ที่ยามเย็นแสงสวยมาก 

พลิกแฟ้มคดีประวัติศาสตร์ สะท้อนจุดต่ำสุดของความเป็นมนุษย์

คดีประวัติศาสตร์นี้ เริ่มจากมีการพบศพหญิงถูกรถไฟทับที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ. 2520 แต่เกิดความไม่ชอบมาพากลขึ้น เมื่อตำรวจไม่ยอมสืบสวนคดีหาสาเหตุ กลับยุติคดีว่าเป็น "อุบัติเหตุ"

กระทั่ง ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนหนึ่ง ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า ศพหญิงสาว ซึ่งถูกรถไฟทับ แท้จริงแล้วถูกขืนใจ และเป็นการนำร่างไปอำพรางคดี นำมาสู่การรื้อฟื้นคดีกลับมาสืบสวนใหม่ 

การสืบสวนต่อได้ความว่า ผู้เสียหายขึ้นรถไฟโดยไม่มีตั๋ว จึงถูกไล่ลงบริเวณสถานีพรหมพิราม เดินโซเซด้วยความหิว เพราะไม่มีเงินติดตัว จนไปพบชาย 2 คน บอกว่า จะพาไปรับประทานอาหารที่งานแต่ง แต่กลับพาไปในไร่ข้าวโพด แล้วรุมขืนใจ เมื่อคนที่งานแต่งงานทราบเรื่องก็พากันมาร่วมก่อเหตุด้วย ก่อนบีบคอผู้เสียหายจนเสียชีวิต

จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้นำร่างผู้เสียหายไปวางไว้บนรางรถไฟเพื่ออำพรางคดี โดยผู้กระทำผิดเป็นลูกหลานของตำรวจ และเป็นผู้มีอิทธิพล คดีเลยเงียบไปในตอนแรก

สุดท้ายแล้วคดีนี้ ตำรวจได้ผู้ต้องหา 30 คน แต่ทางการไทยสามารถดำเนินคดีและลงโทษได้จริงเพียง 10 คน ส่วนที่เหลือต้องปล่อยไป เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ

คดีพรหมพิราม ยังเป็นคดีสะเทือนขวัญ และเป็นที่จะจำของคนในสังคม แม้ระยะเวลาผ่านไปแล้วหลายสิบปี จน "นที สีทันดร" (นามปากกาของสันติ เศวตวิมล) ได้นำคดีนี้มาเขียนนวนิยายชื่อ "พรหมพิลาป" ต่อมาในปี พ.ศ.2546 ได้ถูกนำมาดัดแปลง เป็นภาพยนตร์ "คนบาป พรหมพิราม" แต่ก่อนฉาย ถูกชาว อ.พรหมพิรามต่อต้าน จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "คืนบาป พรหมพิราม" ซึ่งบรรยายความเจ็บปวดของเหตุการณ์นี้ว่า เป็นคดีสะท้อนจุดต่ำสุดของความเป็นมนุษย์