ยังคงเป็นกระแสถกเถียงกัน บนโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ถึงความเหมาะสมหรือไม่ สืบเนื่องจากกรณี ผู้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ ระบุว่า
เธอเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV และได้ตระเวนเที่ยวผับชื่อดัง อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มแบบ ONS. หรือ One Night Stand สาเหตุเพราะอกหัก
หลังจากที่เธอทำแบบนี้ มาเป็นระยะเวลา 7 เดือน จนตัวเธอได้เกิดความรู้สึกผิด จึงได้ออกมาโพสต์ เพื่อสารภาพบาปกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งยังขออโหสิกรรม และยังแนะนำให้ชายหนุ่มที่เคยมีสัมพันธ์กับเธอไปตรวจสุขภาพ เพราะเธอเป็นห่วงทางครอบครัวของฝ่ายชาย นั่นเอง
ล่าสุด ทางด้าน "มูลนิธิเข้าถึงเอดส์" โดยนายนิมิตร์ เทียนอุดม ที่ปรึกษาผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ได้อธิบายถึงประเด็นนี้ ใจความระบุว่า
"เรื่องนี้ ถ้าหากบุคคลรายดังกล่าวอยู่ในการรักษาอย่างต่อเนื่อง มีการรับประทานยาทุกวันจริงๆ ก็เท่ากับว่าอยู่ในการรักษามานานแล้ว น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่มีไวรัสในกระแสเลือดน้อยมาก น้อยกว่า 50 Copy ต่อเลือด 1 หยด หรือที่เรียกว่าตรวจไม่พบ"
ซึ่งถ้าน้อยอย่างนั้น ก็จะเป็นเหมือนที่เราพยายามรณรงค์เรื่อง U = U หรือ Undetectable = Untransmittable
คือตรวจไม่พบเท่ากับไม่แพร่เชื้อ
ดังนั้น คนที่รักษาเอชไอวี HIV มานาน กินยาตลอด
การไปมีเพศสัมพันธ์โอกาสที่จะทำให้ติดเชื้อ หรือแพร่เชื้อต่อนั้น น้อยมากหรือไม่มีเลย
"เราจึงพยายามรณรงค์อยู่ในปัจจุบันว่า หากติดเชื้อเอชไอวีให้เข้ามารับการรักษา
เพื่อจะได้กินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง จนเชื้อไวรัสในร่างกายต่ำมากจนตรวจไม่พบ
สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนกับคนทั่วไปที่ไม่มีเชื้อ
เพราะโดยทั่วไปการกินยาและอยู่กับการรักษาก็เท่ากับเหมือนเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
โอกาสแพร่เชื้อเท่ากับศูนย์
..
ส่วนที่ว่าดื่มเหล้าแล้วทำให้เชื้อดื้อยานั้นก็ไม่จริง เพราะเชื้อไม่ได้เมาเหล้า
เหล้าไม่ได้มีผลต่อเชื้อ และไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพของยาต้านไวรัส"
นายนิมิตร์ กล่าว