สืบเนื่องจากสำนักนายกรัฐมนตรี ขอเสนอชื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่า “วันนวมินทรมหาราช” ในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ดังนั้นจึงกำหนดให้วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการประจำปี เนื่องจากเป็นวันสำคัญของชาติไทย
พระนาม “ภูมิพลอดุลเดช” นั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2470โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า “Bhumibala Aduladeja” ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า “ภูมิบาล”
ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า “ภูมิพลอดุลเดช” ต่อมาพระองค์เองทรงเขียนว่า “ภูมิพลอดุลยเดช” โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว “ย” สะกด
พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
ภูมิพล = ภูมิ+พล
ภูมิ หมายความว่า “แผ่นดิน”
พล หมายความว่า “พลัง” รวมกันแล้วหมายถึง “พลังแห่งแผ่นดิน”
อดุลยเดช = อดุลย +เดช
อดุลย หมายความว่า “ไม่อาจเทียบได้”
เดช หมายความว่า “อำนาจ”
“ภูมิพลอดุลยเดช” จึงหมายถึง “อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้”
ทรงประจักษ์ในปัญหาของราษฎรในชนบทที่ดำรงชีวิตด้วยความยากจน ลำเค็ญและด้อยโอกาส ได้ทรงพระวิริยะอุตสาหะหาทางแก้ปัญหาตลอดมาตราบจนปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่า ทุกหนทุกแห่งบนผืนแผ่นดินไทยที่รอยพระบาทได้ประทับลง ได้ทรงขจัดทุกข์ยากนำความผาสุกและทรงยกฐานะความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น
ด้วยพระบุญญาธิการและพระปรีชาสามารถปราดเปรื่อง พร้อมด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของราษฎร และเพื่อความเจริญพัฒนาของประเทศชาติตลอดระยะเวลาโดยมิได้ทรงคำนึงประโยชน์สุขส่วนพระองค์เลย
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานโครงการนานัปการมากกว่า 2,000 โครงการ ทั้งการแพทย์สาธารณสุข การเกษตร การชลประทาน การพัฒนาที่ดิน การศึกษา การพระศาสนา การสังคมวัฒนธรรม การคมนาคม ตลอดจนการเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรในชนบท
ทั้งยังทรงขจัดปัญหาทุกข์ยากของประชาชนในชุมชนเมือง เช่น ทรงแก้ปัญหาการจราจรอุทกภัยและปัญหาน้ำเน่าเสียในปัจจุบัน ได้ทรงริเริ่มโครงการการช่วยสงเคราะห์ และอนุรักษ์ช้างของไทยอีกด้วย
แม้ในยามประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นมา ก็ได้พระราชทานแนวทางดำรงชีพแบบ “เศรษฐกิจพอเพียง” และ “ทฤษฎีใหม่” ให้ราษฎรได้พึ่งตนเอง ใช้ผืนแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดประกอบอาชีพอยู่กินตามอัตภาพซึ่งราษฎรได้ยึดถือปฏิบัติเป็นผลดีอยู่ในปัจจุบัน
พระอัจฉริยภาพ
ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีอย่างสูงส่ง ทรงพระราชนิพนธ์เพลงอันไพเราะนับแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบันรวม 47 เพลง
นอกจากนั้น ยังทรงเป็นนักกีฬาชนะเลิศรางวัลเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ทรงได้รับยกย่องเป็น “อัครศิลปิน” ของชาตินอกจากทรงพระปรีชาสามารถด้านดนตรีแล้วยังทรงสร้างสรรค์งานจิตรกรรมและวรรณกรรมอันทรงคุณค่าไว้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของชาติ
เช่น ทรงพระราชนิพนธ์ แปลเรื่อง ติโต นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ และพระราชนิพนธ์เรื่องชาดกพระมหาชนก พระราชทานคติธรรมในการดำรงชีวิตด้วยความวิริยะอุตสาหะอดทนจนพบความสำเร็จแก่พสกนิกรทั้งปวง
แม้การเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 จะล่วงเลยมาถึงปัจจุบันแต่พสกนิกรทุกหมู่เหล่ายังล้วนคำนึงถึงสำนึกชาบซึ้งในพระมหากรุณาที่อย่างไม่รู้ลืมเลือน
ดังนั้นเพื่อให้วันคล้ายวันสวรรคตเป็นวันที่ร่วมรำลึกและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่แผ่นดิน
โดยในการนี้รัฐบาลจึงได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานพระบรมราชวิจฉัย
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กำหนดชื่อวัน
คล้ายวันสวรรคตว่า "วันนวมินทรมหาราช"
ตามที่รัฐบาลขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ
#น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้