
หลังจากที่กระแสข่าวสุดช็อกกรณี "ทักษิณ ชินวัตร" ถูกหามส่งโรงพยาบาลกลางดึกของคืนวันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีอาการป่วยกะทันหัน โดยได้นำตัวไปรักษาอยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษระดับสูง ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในห้องรอยัล สูท 1404 ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา
ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ญาติและบุคคลใกล้ชิดที่แจ้งรายชื่อไว้กับกรมราชทัณฑ์ เพื่อเข้าเยี่ยมนายทักษิณ คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของ น.ส.แพทองธาร, บุตรสาวของ น.ส.แพทองธาร, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือ เอม กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม, นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน สามีของ น.ส.พินทองทา, นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของนายทักษิณ น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ ภรรยาของนายพานทองแท้ และทนายความอีก 3 ราย
ล่าสุด ทางเพจไทยนิวส์ สื่อดังในเครือเนชั่น ได้เปิดเผยข้อมูลจากทางด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของทักษิณ ชินวัตร ใจความระบุว่า
กรณีที่ญาติคนใดใน 10 รายชื่อ จะเดินทางเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ที่ รพ.ตำรวจ ตนจะทราบก็ต่อเมื่อได้รับรายงานจากทีมรักษาความปลอดภัยของทางครอบครัวเท่านั้น ไม่ทราบกำหนดเวลาของแต่ละบุคคล ส่วนการเข้าเยี่ยมของแต่ละคน ก็จะต้องเข้าตามเวลาที่ราชทัณฑ์และ รพ.กำหนด โดยแต่ละครั้งการเข้าเยี่ยมได้เพียงคนละประมาณ 30 นาที
สำหรับประเด็นส่วนเรื่องที่บุคคลภายนอกที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อ 10 คนตามที่ทักษิณยื่นไว้นั้น ทนายวิญญัติ ระบุว่า
บุคคลที่จะเข้าไปพร้อมทนายความได้ ส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนของผู้ช่วยทนาย ซึ่งหากเป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของ ทักษิณ ชินวัตร สามารถเข้าไปกับทนายความได้ แต่ต้องมีการแจ้งเหตุผลไปให้ทางเรือนจำฯ รับทราบก่อน เพื่อตรวจสอบว่าจะได้รับการอนุญาตจากเรือนจำฯ หรือไม่ ส่วนเรื่องกรอบเวลาการพักรักษาตัว จะอยู่ในความรับผิดชอบของแพทย์ผู้ทำการรักษา ซึ่งมีการประเมินวันต่อวัน จึงไม่สามารถระบุห้วงวันที่และเวลาได้ว่า นายทักษิณ จะต้องนอนพักรักษาตัวที่นี่นานเท่าไร
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า บุคคลที่จะเข้าไปพร้อมกับทนายความได้นั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับคดีความของผู้ต้องขัง และทนายความจะต้องแจ้งไปยังเรือนจำว่าบุคคลดังกล่าวคือใคร ส่วนใหญ่เป็นล่ามแปลภาษา หรือผู้ช่วยทนาย แต่ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา ไม่สามารถทำได้ เพราะในฐานะอดีตภรรยา ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ จะถูกจัดไว้ในส่วนของญาติผู้ต้องขัง จะไม่สามารถใช้สิทธิของทนายความได้
สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 "นายทักษิณ ชินวัตร" ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือจำคุกอีก 1 ปีต่อจากนี้ ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว ต่อจากนั้น "อุ๊งอิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร ทายาทสาวได้โพสต์ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
อย่างไรก็ตาม จะมีเรื่องเกณฑ์อายุของผู้ต้องขัง เช่น กรณีเป็นผู้ต้องขังสูงวัย พ่วงด้วยโรคอาการเจ็บป่วย จะมีในส่วนของการได้รับการพิจารณา "พักโทษ" ซึ่งทางเรือนจำ/ทัณฑสถาน โดยผู้บัญชาการเรือนจำจะดำเนินการตรวจดูเรื่องหลักเกณฑ์ว่าผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นดีรายใดเข้าเกณฑ์พักโทษ และรายงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อเสนอคณะกรรมการ พิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเสนอรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ท้ายสุดจึงจะมีการแจ้งให้ผู้ต้องขังรับทราบ
ทำให้ในกรณีของนายทักษิณ ทางคณะกรรมการอาจมีการกำหนดเงื่อนไขเช่นกัน ส่วนเรื่องจำกัดรัศมีกิโลเมตรนั้น แล้วแต่รายบุคคล เพราะบางรายอาจจะถูกเงื่อนไขจำกัดได้แค่พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนถ้าจะไปต่างจังหวัดก็ต้องดำเนินการแจ้งขออนุญาต นอกจากนี้ การพักโทษจะเป็นความรับผิดชอบของหน้างานกรมคุมประพฤติ และเมื่อจบกระบวนการพักโทษ จึงค่อยดำเนินการรายงานต่อศาล แล้วเข้าสู่กระบวนการปล่อยตัวตามวันเวลา เพราะถือว่าคดีสิ้นสุดแล้ว
อีกความคืบหน้า กรมราชทัณฑ์ เผย ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษชั้นกลางยังไม่เข้าเงื่อนไขของการขอพักโทษ ต้องติดคุกต่อจนกว่าจะครบ 1 ปี
จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระราชทานอภัยทานลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี รับโทษมาแล้ว10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน 20 วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากนี้จะมีการขอพักโทษจากกรมราชทัณฑ์ได้หรือไม่?
ด้าน กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยโดยอธิบายหลักเกณฑ์พร้อมเงื่อนไขการขอพักโทษว่า ตามเงื่อนไขของการพักโทษนั้น สำหรับนักโทษชั้นดีที่จะได้รับการพักโทษต้องได้รับโทษแล้ว 1 ใน 3 ซึ่งกรณีของนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นนักโทษชั้นกลาง
ดังนั้น จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขของการขอพักโทษ นายทักษิณ จึงต้องติดคุกต่อจนกว่าจะครบ 1 ปี สำหรับขั้นตอนการพักโทษตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ หรือ ระเบียบ หรือกฎกระทรวงยุติธรรม ต้องเข้าหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
การพักการลงโทษ หมายถึง การปลดปล่อยไปก่อนครบกำหนดโทษตามคำพิพากษาศาลภายใต้เงื่อนไขคุมประพฤติที่กำหนด หากฝ่าฝืนจะถูกนำตัวกลับมาคุมขังในเรือนจำตามเดิมและถูกลงโทษทางวินัย
ทั้งนี้ การพักการลงโทษมิใช่สิทธิของผู้ต้องขังแต่เป็นประโยชน์ที่ทางราชการให้แก่นักโทษเด็ดขาดที่มีความประพฤติดี มีความก้าวหน้าทางการศึกษา ทำงานเกิดผลดีแก่เรือนจำหรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ
คุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษ
เป็นนักโทษเด็ดขาด
การลดวันต้องโทษ
คุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุก
เป็นนักโทษเด็ดขาดที่จำคุกมาแล้วตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป โดยจะลดโทษให้ตามชั้นของนักโทษ คือ
โดยทางเรือนจำจะรวมวันลดต้องโทษสะสมของผู้ต้องขังทุกรายไว้ให้เพื่อนำเสนอคณะกรรมการกรมราชทัณฑ์พิจารณาอนุมัติให้ปล่อยตัวเมื่อมีวันลดโทษสะสมเท่ากับโทษที่เหลือ การพิจารณา จะทำทุกเดือนหากไม่ไปกระทำผิดวินัยเสียก่อน
ข้อมูลจาก : ฐานเศรษฐกิจ
เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เหลือ 1 ปี
1 กันยายน 2566 เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษ ความว่าตามที่ นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน 3 คดี
คดีที่ 1 คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 4/2551 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี คดีที่ 2 คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 10/2552ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2 นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี
คดีที่ 3 คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 5/2551ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมกำหนดโทษจำคุก 5 ปี รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี รับโทษมาแล้ว 10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน 20 วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ความว่า เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษาขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น
ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก 1 ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษาเพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
กรมราชทัณฑ์ เผย ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษชั้นกลางยังไม่เข้าเงื่อนไขของการขอพักโทษ ต้องติดคุกต่อจนกว่าจะครบ 1 ปี
จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับพระราชทานอภัยทานลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี รับโทษมาแล้ว10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน 20 วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากนี้จะมีการขอพักโทษจากกรมราชทัณฑ์ได้หรือไม่?
ด้าน กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยโดยอธิบายหลักเกณฑ์พร้อมเงื่อนไขการขอพักโทษว่า ตามเงื่อนไขของการพักโทษนั้น สำหรับนักโทษชั้นดีที่จะได้รับการพักโทษต้องได้รับโทษแล้ว 1 ใน 3 ซึ่งกรณีของนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นนักโทษชั้นกลาง
ดังนั้น จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขของการขอพักโทษ นายทักษิณ จึงต้องติดคุกต่อจนกว่าจะครบ 1 ปี สำหรับขั้นตอนการพักโทษตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ หรือ ระเบียบ หรือกฎกระทรวงยุติธรรม ต้องเข้าหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
การพักการลงโทษ หมายถึง การปลดปล่อยไปก่อนครบกำหนดโทษตามคำพิพากษาศาลภายใต้เงื่อนไขคุมประพฤติที่กำหนด หากฝ่าฝืนจะถูกนำตัวกลับมาคุมขังในเรือนจำตามเดิมและถูกลงโทษทางวินัย
ทั้งนี้ การพักการลงโทษมิใช่สิทธิของผู้ต้องขังแต่เป็นประโยชน์ที่ทางราชการให้แก่นักโทษเด็ดขาดที่มีความประพฤติดี มีความก้าวหน้าทางการศึกษา ทำงานเกิดผลดีแก่เรือนจำหรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ
คุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษ
เป็นนักโทษเด็ดขาด
ชั้นเยี่ยม เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 3
ชั้นดีมาก เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 4
ชั้นดี เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 5
การลดวันต้องโทษ
คุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุก
เป็นนักโทษเด็ดขาดที่จำคุกมาแล้วตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป โดยจะลดโทษให้ตามชั้นของนักโทษ คือ
"ชั้นเยี่ยม" จะได้รับวันลดโทษเดือนละ 5 วัน
"ชั้นดีมาก" จะได้รับวันลดโทษเดือนละ 4 วัน
"ชั้นดี" จะได้รับวันลดโทษเดือนละ 3 วัน
โดยทางเรือนจำจะรวมวันลดต้องโทษสะสมของผู้ต้องขังทุกรายไว้ให้เพื่อนำเสนอคณะกรรมการกรมราชทัณฑ์พิจารณาอนุมัติให้ปล่อยตัวเมื่อมีวันลดโทษสะสมเท่ากับโทษที่เหลือ การพิจารณา จะทำทุกเดือนหากไม่ไปกระทำผิดวินัยเสียก่อน
ข้อมูลจาก : ฐานเศรษฐกิจ
ชาวเน็ตจับตาอีกความเคลื่อนไหว !!
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง ได้โพสต์เฟซบุ๊กยินดีกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า
“ผมสู้กับคุณทักษิณมา 17 ปี ไม่ต้องบอกว่าแสนสาหัสขนาดไหน ถูกค้นบ้าน ถูกกระทำ ถูกฟ้อง 13 คดี แต่ผมโชคดี ทั้ง 13 คดี ผมชนะหมดไม่งั้นผมคงติดคุกมากกว่าคุณทักษิณ
เอาเถอะ! วันนี้ ผมจำเป็นต้องกล่าวว่า "ผมแพ้แล้ว" จึงถือโอกาสนี้ ยินดีกับคุณทักษิณ และผู้สนับสนุนคุณทักษิณ
ขออวยพร ให้คุณทักษิณ และบริวาร บริหารประเทศนี้ไปต่อไปจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร
แต่หากจะถามว่า 17 ปี ที่สู้มา ผมเสียใจหรือไม่ ตอบว่า "ไม่" ผมจะพยายามกล้ำกลืนบอกหัวใจตัวเองว่า สมัยนั้น ผมต้องสู้อย่างนั้น ไม่เช่นนั้น เราคงรักษาบ้านเมืองไว้ไม่ได้
สมัยหน้า แนวรบทางตะวันตกเปลี่ยนแนวแล้ว ครั้งหน้า พรรคเพื่อไทย ต้องสู้ตายกับ พรรคก้าวไกล อย่าว่าผมเลย ผมคิดว่า พรรคก้าวไกลจะชนะพรรคเพื่อไทยถล่มทลาย
ผมเป็นเพียงประชาชน ที่ยืนมองการสู้รบเท่านั้น ไม่เชียร์ใคร เพราะทั้ง 2 พรรค ไม่ใกล้เคียงกับ DNA ผมเลย เลือกตั้งครั้งหน้าผมอาจจะเดินออกจากบ้านไม่เลือกใคร และ ไม่เลือกพรรคใดอีกต่อไปแล้ว
ที่เสียใจเป็นที่สุด คือ 17 ปี ที่ผ่านมา ผมสู้ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า "พรรคประชาธิปัตย์" เสียดายที่ผลการสู้ สุดท้ายก็นำมาซึ่งการล่มสลายของพรรคประชาธิปัตย์ ชาวประชาธิปัตย์อย่าด่าผมเลย ผมได้ยินคนเขาพูดกันอย่างนั้นจริงๆ
เพื่อนผู้ร่วมต่อสู้ทั้งหลาย!!! รักษาตัวไว้ให้ดี เย็นนี้ กลับบ้านซื้อมาม่า ไปฝากลูก พรุ่งนี้ไปทำงานเจียวไข่ใส่ปิ่นโตไปกินที่ทำงาน รักษาสุขภาพให้ดีอย่าได้เจ็บป่วย เพราะหากเจ็บป่วยต้องไปรอคิวนานที่โรงพยาบาล อาจต้องวางรองเท้าให้เข้าคิวแทนหากจะไปห้องน้ำ
อย่าคิดทำผิดกฎหมายใดๆ เลย เพราะหากติดคุกอย่าหวังลมๆ แล้วๆ ว่าคุณจะได้ขึ้นไปรักษาชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
#เพื่อนผู้เคยร่วมรบทั้งหลาย ทำมาหากินเถอะครับ อุดมการณ์ที่คุณเคยใฝ่ฝัน บัดนี้ มันเดินมาถึงปลายทางแล้ว และมันก็เหลือเพียงแต่ซากเท่านั้น”