
จากกรณีดรามาปังชา "เจ้าของร้านปังชาเชียงราย" ถูกร้านลูกไก่ทอง ยื่นโนติสเรียกค่าเสียหาย 102,000,000 บาท โดยก่อนหน้านี้ร้านดังกล่าวได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ แบรนด์ปังชา จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark) "ปังชา" ภาษาไทย และ "Pang Cha" ภาษาอังกฤษ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 จดทะเบียนลิขสิทธิ์ จดทะเบียนสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข สงวนสิทธิ์ห้ามนำชื่อแบรนด์ปังชา Pang Cha ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไปใช้เป็นชื่อร้านหรือใช้เป็นชื่อสินค้าเพื่อจำหน่าย
30 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังร้าน "ปังชาเชียงราย" ตั้งอยู่ที่ ถนนพหลโยธิน ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ได้พบกับนายวีระชาติ ไอยรากาญจนศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 ทางร้านปังชาได้รับหนังสือให้ยุติการกระทำอันเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้า และเรียกค้าเสียหาย 102,000,000 บาท ตนเองถึงกับอึ้งและนอนไม่หลับ จึงรีบหาข้อมูลว่าชื่อร้านเราผิดจริงหรือไม่ ซึ่งตามข้อกล่าวอ้างผู้ร้อง อ้างว่าทางร้านปังชาเชียงราย เหมือนเครื่องหมายการค้าของผู้ร้อง
โดยพบเอกสารที่ผู้ร้อง มีการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 แต่ร้านของตนเองใช้เครื่องหมายการค้าปังชาเชียงราย มาตั้งแต่ปี 2564 ในส่วนของประเภทอาหารขนมปังและชา-เย็น-ร้อน และปังเย็น ก็ถือได้ว่ามีขายทั่วไป ไม่น่าจะสงวนสิทธิ์ ในส่วนโลโก้ของร้านปังชาเชียงราย และโลโก้ผู้ร้องก็ไม่เหมือนกัน ของร้านปังชาเชียงราย เขียนปังชาภาษาไทย ส่วนของผู้ร้องเป็นภาษาอังกฤษ ในรูปประกอบโลโก้ก็มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
นายวีระชาติ กล่าวอีกว่า ตนเองได้นำโลโก้ไปตรวจสอบในเว็บไซต์ ก็ไม่เห็นเหมือนใคร การถูกเรียกค่าเสียหายครั้งนี้รู้สึกเสียใจมาก ซึ่งปัจจุบันร้านที่ตั้งอยู่ในห้างเริ่มขายไม่ได้ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนชื่อร้านไปแล้ว ลูกค้าคิดว่าไม่ใช้เจ้าเก่า ก็เริ่มเกิดความเสียหายไปบางส่วน ตอนนี้ได้เข้าปรึกษาทนาย เพื่อศึกษาข้อกฎหมาย ของโลโก้และชื่อ มีความเหมือนกันอย่างไร ทั้งนี้ หากร้านชาปังไทยไม่ผิดจริง ต้องดูอีกที่ว่าจะมีการฟ้องกลับหรือไม่
กรมทรัพย์สินทางปัญญา อธิบายชัดร้านอื่นสามารถใช้ข้อความ"ปังชา" ได้
จากดรามาดังกล่าว "กรมทรัพย์สินทางปัญญา" ได้ออกมาไขข้อสงสงสัยคำว่า "ปังชา" คนทั่วไปสามารถใช้ได้หรือไม่ ดังนี้
ลิขสิทธิ์ คือความคุ้มครองทางกฎหมายที่ให้แก่เจ้าของผลงาน ที่เกิดจาการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการคุ้มครองลิขสิทธิ์จะเกิดขึ้นทันที่ที่มีการสร้างสรรค์ผลงานโดยไม่ต้องจดทะเบียน
ประเภทของงานที่ถือว่ามีลิขสิทธิ์ ได้แก่ วรรณกรรม งานนาฏกรรม งานศิลปกรรม งานดนตรีกรรม งานโสตทัศนวัสดุ งานภาพยนตร์ งานสิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ และงานอื่น ๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
ตัวอย่างลิขสิทธิ์ในธุรกิจอาหาร เช่น ภาพถ่ายที่แสดงสินค้า ลวดลาย และรูปเล่มเมนูอาหาร ลวดลายหรือภาพวาดบนภาชนะใส่อาหาร เป็นต้น
ทั้งนี้ การนำภาพวาดหรือภาพถ่ายของผู้อื่นไปใช้ ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อนเสมอ ภาพวาดหรือภาพถ่ายที่ทำขึ้นด้วยตัวเอง แม้จะออกมาคล้ายกันเพราะเป็นมุมเดียวกัน แนวคิดเดียวกัน ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของใคร
สิทธิบัตร คือการขอรับความคุ้มครองผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นสูตรการทำ กรรมวิธี รูปร่างของอาหาร ไปจนถึงรูปร่าง ลวดลาย หรือสี ของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเหล่านี้จะถูกจัดให้อยู่ในสิทธิบัตรต่างชนิดกัน ได้แก่
สำหรับกรณีดรามาปังชาที่เกิดขึ้น กรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุว่า "น้ำแข็งไสราดชาไทยมีขายมานานแล้ว จึงไม่มีใครสามารถจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร แล้วเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในเมนูนี้ได้ แต่ภาชนะที่ใช้ใส่ปังชาของแบรนด์ที่เป็นข่าว มีการจดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์เอาไว้"
โดยมีคำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ คือ เมนู้ำแข็งไสราดชาไทยใครก็ขายได้ แต่อย่านำลวดลายหรือรูปแบบภาชนะที่คนอื่นจดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ไว้ไปผลิต แต่ถ้าคิดค้นสูตรขนมขึ้นใหม่ ซึ่งยังไม่เคยปรากฏในที่ใดมาก่อน สามารถนำมาขอจดอนุสิทธิบัตรได้
เครื่องหมายการค้า คือ ชื่อ ข้อความ โลโก้ ภาพ กลุ่มของสีหรือเสียง อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ที่นำมาใช้เพื่อสร้างความจดจำของผู้บริโภคในการแยกแยะแบรนด์ต่าง ๆ
แต่เครื่องหมายการค้าคุ้มครองได้ตามรูปแบบที่จดทะเบียนไว้เท่านั้น หากข้อความหรือภาพบางส่วนที่สื่อถึงคุณสมบัติหรือคุณภาพของสินค้าและบริการ ข้อความหรือภาพนั้นต้องถูกสละสิทธิ แต่ยังปรากฏบนเครื่องหมายการค้านั้นได้
การสละสิทธิ หมายถึง ไม่สามารถห้ามคนใช้ข้อความหรือภาพนี้ในลักษณะอื่น แต่ถ้านำมาจัดวางในรูปแบบที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเอาไว้ และเป็นสินค้าหรือบริการที่ใกล้เคียงกัน ยังสามารถห้ามได้อยู่
ข้อความหรือภาพ ที่แม้จะสื่อถึงคุณสมบัติหรือคุณภาพของสินค้าอาจเป็นครื่องหมายการค้าก็ได้ หากนำสืบได้ว่ามีการใช้มาต่อเนื่องยาวนานจนผู้บริโภคจดจำและแยกได้ว่าเป็นแบรนด์ของสินค้า
การใช้คำว่า "...ปัง...ชา..." หรือ "...ปังชา..." กับเมนูน้ำแข็งไสราดชาไทย ยังทำต่อไปได้ แต่ไม่ควรใช้รูปแบบฟอนต์ตัวหนังสือที่ทำให้นึกถึงแบรนด์นั้น ๆ
ร้านดังขออภัยสื่อสารคลาดเคลื่อน ขอน้อมรับทุกคำติชม
ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (29 สิงหาคม) เพจ "Lukkaithong - ลูกไก่ทอง Thai Royal Restaurant" ออกประกาศชี้แจงจากร้านอาหารลูกไก่ทองและร้านปังชา โดยได้ระบุข้อความว่า
ร้านอาหารลูกไก่ทอง และร้านปังชา ขอประกาศขอชี้แจงถึงกรณีข้อความในโพสต์ที่ได้มีการโพสต์ผ่านทางโซเชียลมีเดียของทางร้าน ทางร้านขออภัยที่มีการสื่อสารและทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ทางร้านขอน้อมรับทุกคำติชม คำแนะนำ และจะปรับปรุง พัฒนาทั้งในการสื่อสาร การบริการ สินค้าต่อไป
ขอขอบคุณกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้ให้ข้อมูลและหาแนวทางร่วมกันในการชี้แจงเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจทางแบรนด์เป็นอย่างดีที่สุด
ที่สำคัญที่สุด กราบขอบพระคุณด้วยความเคารพจากใจในทุก ๆ ท่านที่ร่วมกันโพสต์แสดงความคิดเห็นให้แนวทาง อธิบายในข้อมูลที่มีเพื่อเป็นความรู้กับปังชาเป็นอย่างดีที่สุด ขอบพระคุณจริง ๆ ค่ะ
ที่ผ่านมาจากกระแสที่เกิดขึ้น ทางร้านลูกไก่ทอง และ ปังชา มิได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด แต่ได้มีการสอบถามและหาปรึกษาแนวทางร่วมกันชี้แจงกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงออกมาชี้แจง ณ ที่นี้พร้อมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา