
อัปเดตวายร้ายโควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และยังคงมีการกลายพันธุ์ไม่หยุด
ล่าสุดมีรายงานข่าว โควิดสายพันธุ์ที่ชื่อว่า EG.5.1 ซึ่งมีการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว
ทางด้าน รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ คุณหมอธีระ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความ โดยมีข้อความเกี่ยวกับโควิดสายพันธุ์ EG.5.1 ว่า
EG.5.1 เหลนของ XBB.1.9 เมื่อเทียบตัวต่อตัวแล้ว มีสมรรถนะการขยายตัวของการระบาดมากกว่า XBB.1.16
ที่ครองการระบาดทั่วโลกขณะนี้ถึง 52% โดยเป็นข้อมูลคาดประมาณใน New York จาก Rajnarayanan R.
หมอธีระ บอกอีกว่า
สถานการณ์ในอเมริกานั้น ข้อมูลจาก US CDC ล่าสุดชี้ให้เห็นว่า Omicron สายพันธุ์ย่อย XBB.1.16.x ยังมีสัดส่วนการระบาดสูงสุดกว่า 30%
รองลงมาคือ XBB.1.5.x, XBB.1.9.x, XBB.2.3, และ EG.5
ทั้งนี้ "EG.5" มีอัตราการตรวจพบสูงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยพบเฉลี่ยทั้งประเทศราว 13% แต่จะพบในสัดส่วนที่สูงในแถบตอนกลางและตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา จึงถือเป็นสายพันธุ์ย่อยที่ทั่วโลกกำลังจับตาเฝ้าระวัง
ด้านการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในโรงพยาบาลที่โอกินาว่านั้น แถลงการณ์จาก Okinawa Prefectural Chubu Hospital เมื่อวานนี้ 7 กรกฎาคม 2566 สะท้อนถึงสถานการณ์ระบาดในโอกินาว่าที่หนัก
โดยในโรงพยาบาลมีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน 39 ราย ซึ่งเป็นบุคลากรโรงพยาบาล 16 ราย และผู้ป่วยอีก 23 ราย ที่ทำการสอบสวนโรคแล้วพบว่าน่าจะเป็นการแพร่เชื้อติดเชื้อกันในโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลจึงออกประกาศขอให้ทุกคนสวมหน้ากาก และป้องกันตัวตามมาตรการต่างๆ เพื่อลดการแพร่ระบาด
ภูมิคุ้มกันระดับเซลล์ภายหลังจากติดเชื้ออาจอยู่ได้สั้นกว่าที่คาด โดยทีมวิจัยจากจีนและเยอรมัน ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารวิทยาศาสตร์การแพทย์ Virologica Sinica เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>
ศึกษาในกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 81 ราย โดยติดตามประเมินภูมิคุ้มกันระดับเซลล์ประเภท T-cells (ซึ่งทางการแพทย์คาดว่าจะเป็นระบบภูมิคุ้มกันที่จะช่วยต่อสู้กับเชื้อในระยะยาว และช่วยลดความรุนแรงของโรคหากเกิดติดเชื้อในอนาคต)
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อส่วนใหญ่ราว 3 ใน 4 (75%) จะมีระดับภูมิคุ้มกันลดลงอย่างมาก โดยหลังติดเชื้อ 10 เดือน การตอบสนองของ CD4 T-cell และ CD8 T-cell จะลดลงไปถึง 82% และ 76%
นอกจากนี้ T-cell responses นี้ ยิ่งอายุมาก หรือเวลาผ่านไปนาน ก็จะลดลงไปมากขึ้น
ขณะที่การศึกษานี้เป็นการศึกษาในกลุ่มติดเชื้อเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ อาจต้องรอดูการศึกษาอื่นๆ มาประกอบ เพื่อให้แน่ใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษานี้ก็เป็นข้อมูลที่อาจชี้ให้เห็นความสำคัญของการได้รับวัคซีน ซึ่งอาจมีส่วนในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันระดับเซลล์ให้อยู่ได้ยาวนานมากขึ้น
จับตาอีกโพสต์ที่คุณหมอได้กล่าวเตือน
...สายพันธุ์ย่อยที่ระบาดในไทย...
ดูข้อมูลจาก cov-spectrum เช้านี้ พบว่า ในรอบเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2566 จนถึงวันนี้ มีข้อมูลการสุ่มตรวจสายพันธุ์ที่ส่งเข้ามาในฐานข้อมูล GISAID จำนวน 859 ตัวอย่าง
เป็น XBB.x 98.7%
ทั้งนี้หากดูการจำแนกสายพันธุ์ย่อยๆ จะพบว่าเป็น XBB.1.16 สูงสุดที่ 46.1% ตามมาด้วย XBB.1.9.x ที่ 27.6%, XBB.1.5 ที่ 13.2%, และ XBB.2.3 ที่ 5.3%
...จำนวนผู้ที่ทุพพลภาพในอเมริกาสูงขึ้นมากหลังโควิดระบาด...
ข้อมูลจาก Federal Reserve Economic Data เปรียบเทียบจำนวนคนที่ขึ้นทะเบียนมีภาวะทุพพลภาพรายปี (ภาพที่ 1) พบว่าหลังมีการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนของผู้ทุพพลภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในปี 2023 มีจำนวนสูงถึง 34 ล้านคน โดยเป็นจำนวนที่พิจารณาภาวะทุพพลภาพหลักๆ ได้แก่ มีปัญหาการได้ยิน ปัญหาการมองเห็น ปัญหาด้านสมาธิ/ความจำ/การตัดสินใจ ปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน ขึ้นบันได แต่งตัว อาบน้ำ เป็นต้น
ข้อมูลข้างต้นกระตุ้นเตือนให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโรคระบาด และเน้นย้ำความสำคัญของการป้องกันตัว รวมถึงความจำเป็นของระบบสวัสดิการสังคมของประเทศต่างๆ ที่ควรเตรียมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีภาวะทุพพลภาพ ซึ่งจะมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
...การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้มีสวัสดิภาพและความปลอดภัย
เลี่ยงที่แออัด ไม่แชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่นนอกบ้าน
ใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
Happy a good weekend!!!
สถานการณ์โควิด-19 รอบโลก
องค์การอนามัยโลก เพิ่งออกรายงาน WHO Weekly Epidemiological Update เมื่อคืนนี้ 13 กรกฎาคม 2566 (ภาพที่ 1)
ปัจจุบัน WHO ติดตามเฝ้าระวัง Omicron สายพันธุ์ย่อยอยู่ 8 ตัว เช่นเดิม ได้แก่ XBB.1.5, XBB.1.16 ซึ่งจัดเป็น Variants of Interest (VOI) และ BA.2.75, CH.1.1, XBB, XBB.1.9.1, XBB.1.9.2, และ XBB.2.3 ซึ่งจัดเป็น Variants under Monitoring (VUM)
ข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์จนถึง 25 มิถุนายน พบว่า XBB.1.16 ยังมีสัดส่วนตรวจพบสูงสุดที่ 22.12% อยู่ในระดับพอๆ กับสัปดาห์ก่อน
ในขณะที่รองลงมาคือ XBB.1.5 พบ 19.84% โดยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ส่วน XBB.1.9.1 และ XBB.1.9.2 นั้นมีสัดส่วนตรวจพบสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้อยู่ราว 15% และ 14% ตามลำดับ
สำหรับประเทศญี่ปุ่น
ข้อมูลสายพันธุ์ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จนถึง 25 มิถุนายน 2566 พบว่า XBB.1.16 และ XBB.1.9.2 ได้รับการตรวจพบในสัดส่วนเท่ากันคือ 20% โดย XBB.1.16 ลดลง และ XBB.1.9.2 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเร็ว (ภาพที่ 2)
ในขณะที่ XBB.2.3 และ XBB.1.5 นั้นตรวจพบรองลงมา แต่ทั้งสองตัวมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
หากดูภาพรวมการระบาดทั้งประเทศของญี่ปุ่น จนถึง 9 กรกฎาคม 2566 พบว่าสถานการณ์การติดเชื้อมีมากขึ้นอย่างชัดเจน
โดยมีรายงานเคสใหม่รายสัปดาห์เพิ่มขึ้นมากกว่าสัปดาห์ก่อนใน 37 เขตปกครอง จากทั้งหมด 39 เขตปกครอง (Prefectures)
ทั้งนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5 เท่าใน 9 เขต และมากกว่า 1.25 เท่าใน 25 เขต
จะเห็นได้ว่า การระบาดในญึ่ปุ่นนั้นมากขึ้น อันน่าจะเป็นผลมาจากการลดมาตรการควบคุมป้องกันโรค และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีคนจำนวนมากเดินทางระหว่างประเทศ โดยในบางพื้นที่ เช่น โอกินาว่า ก็มีรายงานข่าวอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงที่ผ่านมา เพราะการระบาดส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข จนเกินกำลังที่จะรองรับ ทำให้ต้องปรับลดบริการหลายต่อหลายแห่ง
สำหรับไทย การระบาดยังมีต่อเนื่อง และสัปดาห์ล่าสุดก็มีสถิติการป่วยที่เพิ่มกว่าสัปดาห์ก่อนถึง 38.9%
ควรใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท ป้องกันตัวสม่ำเสมอ
การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
อัปเดตโควิด-19
1. Omicron แตกหน่อต่อยอดไปกว่า 1,500 สายพันธุ์ย่อย
ข้อมูลจากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ไวรัสจนถึงปัจจุบัน (Cr: Rajnarayanan R) ชี้ให้เห็นว่าไวรัสโรคโควิด-19 ยังมีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้สายพันธุ์ Omicron จะครองการระบาดมานานเป็นปีที่สอง ก็ยังมีการกลายพันธุ์ต่อเนื่อง โดยมีสายพันธุ์ย่อยไปแล้วกว่า 1,500 สายพันธุ์ย่อย
ในจำนวนดังกล่าว เป็นลักษณะการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง Omicron กับสายพันธุ์อื่นอย่างน้อย 537 สายพันธุ์ย่อย
ทั้งนี้ ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา มีอยู่ 599 สายพันธุ์ย่อย ที่ได้รับการรายงานตรวจพบอย่างน้อย 1 ครั้งจากประเทศต่างๆ
การระบาดทั่วโลกล้วนมีลักษณะซุปสายพันธุ์ ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ไวรัสในสัดส่วนแตกต่างกันไป แม้ในภาพรวมแล้ว XBB.1.16 จะมีรายงานการตรวจพบในสัดส่วนที่สูงที่สุด อาทิ
อเมริกา XBB.1.5*, XBB.1.16* และ EG.5.1*
จีน: EG.5.1*, FU.1* และ FY.3*
ออสเตรเลีย: XBB.1.16*, XBC.1.6*,
บราซิล: FE.1.2*
การเฝ้าระวังติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่ระบาดในแต่ละประเทศจึงมีความสำคัญ เพื่อที่จะทราบแนวโน้มผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแต่ละสายพันธุ์ว่าทำให้เกิดปัญหาเรื่องสมรรถนะการแพร่ระบาด รวมถึงความรุนแรงของโรค
2. Long COVID เป็นแล้ว อาจหายขาดได้น้อย หรือยืดเยื้อกว่าที่เคยเชื่อกันมา
งานวิจัยล่าสุดจากทีมงานประเทศสเปน เผยแพร่ใน SSRN (Preprints with the Lancet) เมื่อ 12 กรกฎาคม 2023
ศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวน 341 ราย ที่ประสบปัญหา Long COVID โดยติดตามดูนานถึง 2 ปี
พบว่า มีผู้ป่วย Long COVID เพียง 26 ราย หรือคิดเป็น 7.6% เท่านั้นที่หายดีจนเป็นปกติ โดยส่วนใหญ่ในกลุ่มที่หายดีเป็นปกตินี้มักเป็นผู้ที่ประสบปัญหาประเภทอ่อนเพลีย/เหนื่อยล้า การดมกลิ่นหรือรับรสผิดเพี้ยน หรือเป็นเพศชาย
ในขณะที่กลุ่มผู้ป่วย Long COVID ที่มีอาการประเภทปวดกล้ามเนื้อ หอบเหนื่อย ใจสั่น หรือมีปัญหาด้านสมาธินั้น มักไม่ค่อยดีขึ้นเมื่อติดตามไปจนถึง 2 ปี
ผลการศึกษานี้เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับงานวิจัยใหม่ๆ ที่ทยอยเผยแพร่กันออกมาในปัจจุบัน และชี้ให้เห็นว่าประเทศต่างๆ ที่มีการแพร่เชื้อติดเชื้อจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จำเป็นต้องเตรียมรับมือกับปัญหา Long COVID ในระยะยาว
ตอกย้ำให้เราเห็นความสำคัญของการป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ติดเชื้อ หรือไม่ติดซ้ำ ย่อมดีที่สุด
ตระหนักเสมอว่า การติดเชื้อแต่ละครั้งนั้น ทำให้ป่วยได้ รุนแรงได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อภาวะทุพพลภาพระยะยาวอย่าง Long COVID อีกด้วย
อ้างอิง
1. Gregory TR et al. World Health Network. 13 February 2023. (ภาพที่ 1)
2. Determinants of the Onset and Prognosis of the Post-COVID-19 Condition: A 2-Year Prospective Cohort Study. SSRN (Preprints with the Lancet). 12 July 2023.
ขอขอบคุณที่มา เพจหมอธีระ คลิกอ่านสาระดีๆ ได้ที่นี่ >> Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)