11 กรกฎาคม 2566 ที่จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดภาวะปรากฏการร์เอลนีโญ ฝนตกน้อยเข้าขั้นวิกฤตในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณน้ำเก็บกักในแหล่งเก็บน้ำเขื่อน อ่างเก็บน้ำที่มีทั้งหมดในพื้นที่กว่า 13 แห่ง มีปริมาณน้ำน้อยเหลือไม่ถึง 30-50 % และสามารถนำไปใช้ด้านการประปาได้ไม่ถึง 10-20 % ส่วนด้านการเกษตรแทบมีไม่เพียงพอได้แล้วในขณะนี้ ซึ่งต้องรอการเร่งทำฝนหลวงเข้ามาช่วยให้เกิดฝนตกได้บรรเทาด้านการเกษตรได้บ้างในขณะนี้
จากการเร่งหาแนวทางช่วยกันพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการสร้างรายได้อาชีพเสริมให้กับประชาชนในพื้นที่ในช่วงที่ภัยแล้งหนักในปีนี้ นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สรวิศ มาอินทร์ นายก อบต.นาฝาย ,นายสมบัติ มีลักษณะสม ผอ.ชลประทาน จ.ชัยภูมิ ,นายสานนท์ ตัวแทนอธิการบดี ม.ราชภัฏชัยภูมิ ได้ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจที่บริเวณอ่างเก็บน้ำช่อระกา ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เพื่อหาแนวทางในการที่จะพัฒนาอ่างเก็บน้ำช่อระกา ที่ถือว่ามีศักยภาพได้รับความนิยมด้านการเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมาเล่นน้ำคลายร้อนของคนในพื้นที่ และชาวไทยทั่วประเทศ ทั้งชาวต่างชาติ ที่ในช่วงวันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นน้ำในจุดนี้กันจำนวนมาก ที่มีสถานที่เหมาะสมตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองชัยภูมิเพียงกว่า 10 กิโลเมตรเท่านั้น
นายโสภณ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในขณะนี้จังหวัดชัยภูมิ ที่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้น้ำในแหล่งเก็บกักที่มีทั้งหมดในขณะนี้เหลือน้ำน้อยมาก จนไม่สามารถนำไปช่วยด้านการเกษตรได้เพียงพอได้ แต่ยังมีอ่างเก็บน้ำที่มีอยู่อย่างอ่างเก็บน้ำลำช่อระกา ที่มีความจุกว่า 10 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันยังเหลือน้ำที่เก็บกักประมาณกว่า 50 % ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำรองไว้ใช้ยามหน้าแล้งปีนี้ได้อีกจุด
และเพื่อเป็นการพลิกวิกฤตภัยแล้งให้เป็นโอกาสในปีนี้ ที่อ่างช่อระกามีศักยภาพด้านการที่จะเข้ามาช่วยกันพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพแห่งใหม่อีกแห่งของจังหวัดชัยภูมิ ขึ้นได้ที่ทั่วประเทศเกิดภาวะโลกร้อนมีอากาศร้อนมากขึ้น ทำให้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งเล่นน้ำคลายร้อนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่จะพาครอบครัวมาเล่นน้ำคลายร้อนกันมากขึ้น
โดยได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลงสำรวจพื้นที่ร่วมกันวันนี้เร่งวางแผนหาแนวทางการพัฒนาเปิดแหล่งท่องเที่ยวเล่นน้ำที่มีหาดทรายสวยงามติดอันดับต้นๆของประเทศไทยในบริเวณรอบอ่างช่อระกา ทั้งมีกลุ่มอาชีพหาสัตว์น้ำ หาปลา การทำก่ำกุ้ง ที่มีอาหารประเภทกุ้งเป็นสัตว์น้ำที่หลากหลายในพื้นที่เพื่อเป็นการช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร ชาวบ้าน ชาวไร่ ทดแทนในช่วงหน้าแล้งปีนี้ที่ไม่มีน้ำเพียงพอในการประกอบอาชีพการเกษตรได้อีกทางด้วย
"ซึ่งทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจะต้องมีแผนพัฒนารองรับอย่างยั่งยืนตามรอยพ่อหลวง ร.9 ที่อ่างเก็บน้ำช่อระกา ตามแนวพระราชดำริ ยังสามารถต่อยอดสร้างอาชีพสู่ชุมชนใกล้เคียงในพื้นที่เก็บกักน้ำของชุมชนได้อย่างอย่างยื่นต่อไปในอนาคตได้ ในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ใน จ.ชัยภูมิ ขณะนี้ที่นำจะเปิดให้เข้าท่องเที่ยวได้อย่างเป็นทางการในไม่เกินเดือน พ.ย.2566 นี้ได้" นายโสภณ กล่าว