
จากกรณีเพจ ไม่ใช่หมอบ่น-aggressivenotdoctor โพสต์แบบสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในหอพักพยาบาล รพ.ตากสิน ใจความว่า จากการประชุมผู้บริหาร ได้มีการเสนอให้ปรับปรุงหอพัก โดยจะทำการติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในห้องพัก หอพักพยาบาล ในเฟสแรกจะเริ่มติดตั้งที่ชั้น 7 ถึง ชั้น 9 จำนวน 54 ห้อง โดยมีเงื่อนไขในการดำเนินการติดตั้งและกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสำหรับผู้พักในห้องที่จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ดังนี้
กรณีดังกล่าวกลายเป็นดรามา รพ.จะติดแอร์ด้วยเงินมูลนิธิ แต่กลับให้พยาบาลผ่อนจ่าย สุดท้ายแอร์จะเป็นทรัพสินของโรงพยาบาล พร้อมเรียกร้องให้ผู้บริหารออกมาอธิบาย
ล่าสุด โรงพยาบาลตากสิน ออกแถลงการณ์ชี้แจ้ง อ้างอิงนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เห็นควรให้พยาบาลมีที่พักที่ มีเครื่องปรับอากาศให้สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ จึงมีการหารือกันในที่ประชุมคณะบริหารโรงพยาบาล เรื่องของการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในหอพักพยาบาล
จากการสำรวจจากฝ่ายซ่อมบำรุงและกำจัดของเสีย มีหอพักพยาบาล จำนวน 3 ชั้น (ชั้น 7-9 ) ที่สามารถติดเครื่องปรับอากาศได้ เนื่องจากแรงดันไฟฟ้า (กำลังไฟ) ไม่เพียงพอที่จะติดเครื่องปรับอากาศได้ในชั้นอื่นๆ จึงจะดำเนินการที่ 3 ชั้นนี้ก่อน คือ ชั้น 7,8 และ 9 จึงได้มีการหารือกับฝ่ายการพยาบาล และฝ่ายการพยาบาลได้เสนอประเด็นดังนี้
หากมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในหอพัก จะทำให้อัตราค่าบำรุงหอพักจะปรับขึ้นจากเดือนละ 200 บาทต่อคน ต่อเดือน เป็นอัตรา 500 บาทต่อคน ต่อเดือน ตามประกาศคณะกรรมการหอพักของโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ ระดับสำนักการแพทย์ เรื่องกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการเข้าพักอาศัยในหอพัก และผู้อำนวยการได้สอบถามในที่ประชุม ให้ฝ่ายการพยาบาลสำรวจความคิดเนของผู้พักอาศัยอยู่เดิม ว่าห้องใดประสงค์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อจะได้นำมาดำเนินการต่อไป โดยเสนอว่า จำนวนห้องหอพักที่จะติดเครื่องปรับอากาศมีจำนวนมาก จึงทำให้ต้องใช้เงินจำนวนมาก
โรงพยาบาลจึงขออนุเคราะห์มูลนิธิโรงพยาบาลตากสิน ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าว จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติจากคณะกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลตากสินก่อน จึงจะสามารถดำเนินการได้ และมีข้อเสนอเป็นทางเลือกให้ฝ่ายการพยาบาลว่า หากคู่พักอาศัยห้องใดที่ประสงค์จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศเป็นการเร่งด่วน ให้ดำเนินการติดตั้งโดยสำรองค่าใช้จ่ายเองไปก่อน เมื่อได้รับการอนุมัติจากมูลนิธิโรงพยาบาลแล้วจะดำเนินการคืนเงินให้
สำหรับกรณีนี้ฝ่ายการพยาบาลได้สำรวจความประสงค์ของผู้ที่พักอาศัยในหอพัก แต่เนื่องจากเกิดความผิดพลาดในการสื่อสารข้อความที่เกิดจากความเข้าใจผิดของฝ่ายการพยาบาล ทำให้การสื่อสารข้อมูลออกไป ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ของพยาบาลตามที่ปรากฎออกมาเป็นข่าว