svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

รู้หรือไม่ "ผู้จัดการมรดก" มีความสำคัญอย่างไร อ่านตรงนี้มีคำตอบ 

ตามมาตรา 1600 ได้กำหนดให้กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ 

ในปัจจุบันนี้ เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย มรดกย่อมตกทอดแก่ทายาท ไม่ว่าจะเป็นทายาทโดยธรรม หรือทายาทโดยพินัยกรรมก็ตาม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1599 วรรค 1 ที่บัญญัติว่าเมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท


หรือ ตามมาตรา 1602 วรรค 1 ที่บัญญัติว่าเมื่อบุคคลใดต้องถือว่าถึงแก่ความตายตามความในมาตรา 62 แห่งประมวลกฎหมายนี้ มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท แล้วแต่กรณีว่าเจ้ามรดกถึงแก่ความตายตามความเป็นจริงหรือถึงความตายโดยผลของกฎหมายโดยการตกเป็นคนสาบสูญ

รู้หรือไม่ "ผู้จัดการมรดก" มีความสำคัญอย่างไร อ่านตรงนี้มีคำตอบ 

ดังนั้น มรดก คือ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ ของผู้ตายด้วย เช่น ที่ดิน เงินฝากธนาคาร หุ้น กองทุน ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินที่มีผู้อื่นยืมไป หนี้ ภาระติดพันต่างๆ ทั้งการจำนองหรือค้ำประกัน  

 

ในบรรดาทรัพย์สินต่างๆ ของเจ้ามรดกบางอย่างนั้น จำเป็นที่จะต้องมีการจดทะเบียนการได้มา มิฉะนั้น สิทธิของผู้ได้มาจะเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้

 

ตัวอย่างเช่น โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ทะเบียนอาวุธปืน ทะเบียนรถยนต์ ทรัพย์บางอย่างเจ้าพนักงานจะไม่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนให้ หากไม่มีการยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกเสียก่อน

 

การยื่นคำร้องขอจัดการมรดก ต้องยื่นที่ศาลที่เจ้ามรดกหรือผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลในขณะถึงแก่ความตาย แต่หากเจ้ามรดกไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร ให้เสนอต่อศาลที่ทรัพย์มรดกอยู่ในเขตอำนาจศาล 

รู้หรือไม่ "ผู้จัดการมรดก" มีความสำคัญอย่างไร อ่านตรงนี้มีคำตอบ 

ศาลที่มีอำนาจในการออกคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก ต้องเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งและต้องเป็นศาลจังหวัดเท่านั้น โดยมีค่าธรรมเนียมศาล 200 บาท (ไม่รวมค่าส่งสำเนาคำร้อง ค่าส่งหมายไปให้ทายาทที่เกี่ยวข้อง) โดยผู้ร้องขอจัดการมรดกกับผู้จัดการมรดกไม่จำต้องเป็นคนเดียวกัน

ในส่วนของระยะเวลาคำร้องขอจัดการมรดกจะใช้ประมาณ 2-4 เดือนกรณีที่ไม่มีผู้คัดค้าน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของคดีภายในศาลแต่ละช่วงด้วย หลังจากศาลมีคำสั่งแล้วยังไม่สามารถเข้าจัดการมรดกทันทีต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดก่อน

เอกสารที่ต้องนำมายื่นในการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก (ต้นฉบับและสำเนาเอกสารอย่างละ 4 ชุด) ได้แก่

ทะเบียนบ้านของผู้ตายและทะเบียนบ้านของผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกกรณีผู้ร้องขออยู่คนละบ้านกับผู้ตาย
ใบมรณบัตรของผู้ตาย
ใบมรณบัตรของบิดามารดา กรณีบิดามารดาของผู้ตายถึงแก่ความตายก่อนแล้ว
ทะเบียนสมรสของสามีหรือภริยาของผู้ตาย
ทะเบียนสมรสพร้อมด้วยทะเบียนการหย่าของสามีภริยาของผู้ตาย
ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ของทายาทและผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย
ใบสูติบัตรของบุตรผู้ตาย กรณีบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือไม่สามารถให้ความยินยอมได้
บัตรประจำตัวข้าราชการ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ร้องขอ
พินัยกรรมของผู้ตาย
หนังสือให้ความยินยอมในการร้องขอจัดการมรดกและบัญชีเครือญาติ
เอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตาย เช่น โฉนดที่ดิน ทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนอาวุธปืน สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือใบหุ้นต่างๆ ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน
บัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ให้ความยินยอมทุกคน
คำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกในกรณีที่เคยยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกมาแล้ว แต่ผู้จัดการมรดกถึงแก่ความตาย
ผู้จัดการมรดก คือ บุคคลที่ศาลมีคำสั่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก มีหน้าที่รวบรวม จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เริ่มหน้าที่ผู้จัดการมรดกและทำให้เสร็จภายใน 1 เดือน หากไม่เสร็จสามารถขอต่อศาลขออนุญาตขยายเวลาอีกได้ตามมาตรา 1728 ประกอบมาตรา 1729 

รวมทั้งแบ่งปันทรัพย์สินซึ่งเป็นมรดกของผู้ตายให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายในอัตราส่วนตามกฎหมายให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันฟังคำสั่งศาลหรือถือว่าได้ฟังคำสั่งศาลแล้ว เว้นแต่ทายาทโดยจำนวนข้างมาก หรือศาลจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นตามมาตรา 1732

ผู้จัดการมรดกจะเป็นผู้ที่ผู้ตายระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้จัดการมรดก หรือผู้ที่ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกก็ได้ แม้ว่าอายุเกิน 60 ปีแล้วก็สามารถเป็นผู้จัดการมรดกได้ หากไม่เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมาย 

รู้หรือไม่ "ผู้จัดการมรดก" มีความสำคัญอย่างไร อ่านตรงนี้มีคำตอบ 

กล่าวคือ ผู้จัดการมรดกไม่สามารถเป็นผู้เยาว์ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ บุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ และบุคคลล้มละลายตามมาตรา 1718

หากผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ เช่น ปิดบังมรดกต่อทายาท หรือเบียดบังมรดกเป็นของตน หรือเพิกเฉยไม่แบ่งมรดกให้แก่ทายาท ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกหรือผู้มีส่วนได้เสียจะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอดถอนผู้จัดการมรดก

เพราะเหตุผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำตามหน้าที่หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควรก็ได้ และอาจมีความผิดอาญามีโทษจำคุกได้ ตามมาตรา 1731

กล่าวโดยสรุป การร้องขอจัดตั้งผู้จัดการมรดกยังคงมีความสำคัญในปัจจุบันนี้ เพราะทรัพย์สินบางประเภท ที่จำต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน จะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้ก็ต่อเมื่อมีการตั้งผู้จัดการมรดกเสียก่อนดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ขอขอบคุณที่มา กรุงเทพธุรกิจ