
จากกรณี น.ส.นิ่ม วัย 17 ปี รับสารภาพว่า ทำน้องต่อวัย 8 เดือน หลุดมือขณะอาบน้ำ เนื่องจากน้องต่อตื่นงอแงตอนตี 3 เพราะมีไข้ แม่ก็อุ้มให้นมแต่น้องก็ร้องไม่หยุด จึงอุ้มแบบเขย่าไปมา จนน้องหล่นหัวกระแทกพื้น จากนั้นก็หลับไป แม่ก็เข้าใจว่าลูกหลับ จนตีห้า จะชงนมอีกรอบ พบว่าลูกนอนเสียชีวิต ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนำร่างไปทิ้งไว้กอไผ่ริมแม่น้ำท่าจีน เนื่องจากกลัวติดคุก แล้วจะไม่มีคนดูแลพ่อตาบอด แม่พิการติดเตียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
27 กุมภาพันธ์ 2566 เพจ Drama-addict ได้โพสต์ข้อความว่า จากข้อมูลล่าสุด ที่แม่เด็กให้การสารภาพกับตำรวจ ก่อนน้องจะนิ่งไป มีเรื่องการเขย่าตัวน้องด้วย อันนี้ไม่รู้ว่าที่นางให้การจะจริงเท็จยังไง รอตำรวจเค้นปากคำเพิ่มเติม
แต่เรื่องการเขย่าตัวเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่อายุน้อยกว่า 1 ขวบ เป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะเด็กวัยนี้ กล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรงพอ เมื่อผู้ใหญ่จับเด็กเขย่า ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม หัวเด็กก็จะโยกไปมา จนทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน เกิดเลือดออกในสมอง ทำให้เด็กถึงขั้น เสียชีวิต หรือพิการตลอดชีวิตได้
ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ที่เห็นเด็กตัวเล็ก ๆ โปรดทราบ ห้ามจับเด็กเขย่าโดยเด็ดขาด ถึงตายครับ
ขณะเดียวกัน แพทย์ประจำบ้านและอาจารย์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ ได้เรียบเรียงสาระความรู้ ไว้ในจุลสารข่าวศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลราธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง "การเขย่าเด็กอย่างรุนแรง" ซึ่งเกิดจากอารมณ์หงุดหงิด โมโห หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพ่อแม่ หรือผู้ที่เลี้ยงทารก มักเกิดอันตรายกับเด็กเล็กได้ถ้าไม่ระมัดระวัง
โดยเฉพาะเด็กแบเบาะ ที่ยังมีกล้ามเนื้อคอไม่แข็งแรง ไม่สามารถพยุงศีรษะตนเองได้ รวมทั้งสมองมีความอ่อน ซึ่งถ้ามีการเขย่า หรือกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อาจจะทำให้เนื้อสมองไปกระทบกับกะโหลกศีรษะ เส้นเลือดรอบสมองฉีกขาด เกิดเลือดออกในสมอง หรือจอประสาทตา เป็นอันตราย และมีตามมาดังนี้
ข้อแนะนำถ้ารู้สึกเด็กผิดปกติ หลังจากเขย่าเด็กอย่างรุนแรง
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องนำเด็กไปรับการตรวจจากกุมารแพทย์ทันที ให้ประวัติกุมารแพทย์ หรือแพทย์ผู้ดูแลด้วยเสมอเรื่องเด็กถูกเขย่าอย่างรุนแรง เพราะถ้าไม่มีประวัตินี้ แพทย์อาจจะไม่ได้นึกถึง อาจวินิจฉัยล่าช้า ทำให้การรักษาไม่ทันท่วงที และเกิดอันตรายรุนแรงได้
อาการผิดปกติเริ่มแรกของอันตรายจากการเขย่าเด็ก ได้แก่ อาการอาเจียน หรือหายใจลำบาก ซึ่งมักคล้ายอาการของโรคอื่น ๆ ที่ไม่รุนแรง เช่น ภาวะปวดท้อง 3 เดือน (โคลิก) กินนมมากเกินไป หรือให้นมไม่ถูกวิธี
ขอบคุณข้อมูล : จุลสารข่าวศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลราธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล