ความคืบหน้าทางด้านวิชาการจาก น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความระบุไว้ว่า
..
ชัดเจน โควิด-19 ไทยมีการขยับตัวขึ้นแล้ว โดยจำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 20%
จากสถานการณ์โควิดทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา มีการเพิ่มขึ้นของทั้งผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย ในช่วงที่ผ่านมา
จนองค์การอนามัยโลกได้ออกมาประกาศว่า โควิดยังไม่ยุติการระบาด และอยู่ในสถานการณ์ที่วางใจไม่ได้ จำเป็นจะต้องติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
รวมทั้ง โลกกำลังมีความเสี่ยง ที่จะประเมินติดตามสถานการณ์โควิดได้ลำบากขึ้น เพราะทุกประเทศเริ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อน้อยลง รวมทั้งการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อดูไวรัสสายพันธุ์ต่างๆก็ลดลงด้วย
ประเทศไทยเองก็ได้ประกาศแล้วว่า โควิดยังไม่เป็นโรคประจำถิ่นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ตามที่คาดการณ์ไว้ ล่าสุดรอ ทางศบค.เคาะสรุปอีกครั้ง !!
จึงต้องมาวิเคราะห์กันว่า เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์โควิดของโลกและของประเทศไทย พบว่าน่าจะมาจากปัจจัยดังนี้
แต่หลายประเทศได้ผ่อนคลายมาตรการมากเกินความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสังคม ทำให้เสี่ยงต่อการติดโควิด เช่น เรื่องการถอดหน้ากาก เพราะจริงๆแล้ว เศรษฐกิจและสังคมสามารถเดินหน้าโดยใส่หน้ากากไปพร้อมกันได้ เช่น อนุญาตให้มีการจัดคอนเสิร์ต
โดยผู้ชมยังคงใส่หน้ากาก หรือให้มีการจัดแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก แต่บังคับให้ใส่หน้ากากอนามัย ขึ้นเครื่องบินเดินทางไปท่องเที่ยว ก็ใส่หน้ากากต่อไป เป็นต้น
ทำให้ตัวเลขแนวโน้มของโควิด เริ่มมีการระบาดระลอกย่อยใหม่เกิดขึ้น
สำหรับประเทศไทยนั้น หลังจากที่มีการผ่อนคลายเรื่องการใส่หน้ากากในวันที่ 23 มิถุนายน 2565
สิบวันถัดมา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 14.32% ผู้รักษาตัวเพิ่มขึ้น 9.02% แต่ผู้เสียชีวิตยังไม่เพิ่มขึ้น
จนถึงปัจจุบัน ซึ่งครบสองสัปดาห์ เราได้เห็นจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตขยับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว
โดยเป็นการเปรียบเทียบระหว่างข้อมูลวันที่ 23 มิถุนายน กับ 6 กรกฎาคม พบว่า
กล่าวโดยสรุป
เพราะผลกระทบจากการผ่อนคลายเรื่องใส่หน้ากาก และฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไม่ได้ตามเป้า จะมีผลกระทบย้อนกลับมา ทำให้มิติเศรษฐกิจและสังคม ที่กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดีนั้น จะต้องย้อนกลับมาเข้มงวดกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งน่าเสียดายมาก