
หลังทั่วโลกรับทราบข่าว "บรูซ วิลลิส" นักแสดงชื่อดังของฮอลลีวูด ประกาศอำลาวงการ หลังป่วยด้วยโรคอะเฟเซีย (Aphasia) หรือ ภาวะเสียการสื่อความ
ซึ่งแพทย์ระบุว่า สาเหตุของโรค เป็นความผิดปกติทางการสื่อสาร ทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติในด้านทักษะของการสื่อสารและการใช้ภาษา ไม่สามารถโต้ตอบหรือทำความเข้าใจได้ และอาจมีปัญหาทางด้านการอ่านและการเขียนร่วมด้วย
ภัยร้ายที่มาจาก โรคอะเฟเซีย (Aphasia) หรือ ภาวะเสียการสื่อความ หมายถึง ความผิดปกติทางภาษา ที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทโดยมีพยาธิสภาพในสมอง ภาวะเสียการสื่อความจะมีความผิดปกติของความเข้าใจและการใช้ภาษา มักมีความผิดปกติในความสามารถทางภาษาทุกด้าน คือ ความผิดปกติในการฟัง การพูด การอ่านและการเขียน โดยอาจมีความรุนแรงในแต่ละทักษะไม่เท่ากัน
ผู้ป่วยอาจมีความลำบากในการฟังเข้าใจ คำพูด วลีและประโยค มีความลำบากในการนึกหาคำศัพท์หรือคำพูดที่ถูกต้อง เช่น ชื่อคน สถานที่สิ่งของ ทำให้พูดผิดหรือใช้คำอื่นมาแทน โดยอาจเป็นคำหรือเสียงใหม่ในภาษา
มีความลำบากในการจำคำพูด ทำให้ไม่สามารถเข้าใจคำพูด และการตอบสนองอาจผิดพลาดความผิดปกติของไวยากรณ์ในภาษาทำให้การเรียงลำดับและการจัดรูปประโยคผิดได้ หรือพูดคำที่ไม่มีความหมายเลย มีความผิดปกติในการใช้ภาษา ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน พูดลำบาก พูดได้ช้า พูดเป็นประโยคสั้น ๆ เป็นภาษาโทรเลข
ล่าสุด ทางด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อะเฟเซียเป็นกลุ่มอาการทางระบบประสาท ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียความสามารถของสมองในการสื่อสารด้วยภาษา ผู้ป่วยที่มีอาการอะเฟเซียจะมีความบกพร่องในการใช้ภาษา โดยแบ่งกลุ่มอาการออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่ม 1. เป็นความผิดปกติด้านการสั่งการด้วยภาษา เช่น พูดไม่ออก สะกดคำผิด เขียนไม่ได้ เขียนไม่เป็นคำ เรียกชื่อสิ่งของไม่ถูก
กลุ่ม 2. ความผิดปกติด้านความเข้าใจภาษา เช่น ฟังไม่เข้าใจ อ่านไม่เข้าใจ
กลุ่ม 3. ผู้ป่วยบางรายมีความผิดปกติทั้งด้านการสั่งการด้วยภาษาและความเข้าใจภาษา ทำให้มีลักษณะเงียบ เฉยเมย ไม่พูด และไม่เข้าใจภาษา
อย่างไรก็ตามหากพบอาการแสดงจากภาวะอะเฟเซีย และได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มแรก จะให้ผลการรักษาดีกว่าการปล่อยอาการไว้ในระยะเวลานาน ควรมาพบแพทย์ประเมินหาสาเหตุ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
ด้าน นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า อาการอะเฟเซียเกิดจากโรคทางระบบประสาทได้หลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บที่สมองที่ควบคุมความสามารถด้านภาษา โรคหลอดเลือดสมอง สมองอักเสบ เนื้องอกในระบบประสาท สมองเสื่อม เป็นต้น
การวินิจฉัยกลุ่มอาการผู้ป่วยอะเฟเซียต้องทำการซักประวัติอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสาเหตุจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย แนวทางการป้องกันและการรักษา จึงขึ้นกับสาเหตุของโรคที่เป็นด้วย นอกจากรักษาที่สาเหตุแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการแก้ไขภาวะนี้ด้วยการบำบัดฟื้นฟู การใช้ภาษาและการสื่อสารร่วมด้วย
ผู้ป่วยอะเฟเซียที่สามารถฟื้นฟูได้ เช่น อาการอะเฟเซียจากอุบัติเหตุ หรือจากโรคหลอดเลือดสมอง หากอาการไม่รุนแรงมาก สามารถทำการบำบัดให้อาการดีขึ้นหรือทุเลาลงได้ด้วยการทำอรรถบำบัด ฝึกการพูด อย่างไรก็ตามสาเหตุของโรคทางระบบประสาทบางสาเหตุ เช่น สมองเสื่อม ผู้ป่วยที่มีอาการอะเฟเซียจากสมองเสื่อมจะมีอาการถดถอยลง การดูแลรักษาจะเป็นการประคับประคองอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก โดยให้ข้อมูลในการดูแลแก่ญาติหรือคนใกล้ชิด
"โรคอะเฟเซีย" (Aphasia) หรือ "ภาวะเสียการสื่อความ" เป็นภาวะสมองเสียหาย ที่จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการสื่อสารทั้งการพูด เขียน และทำความเข้าใจในภาษาต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบกับการทำงานแสดงโดยตรง ซึ่งอาการดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นหลังจากผู้ป่วยมีภาวะเส้นเลือดในสมองแตก หรือ ศีรษะได้รับความ กระทบกระเทือนอย่างรุนแรง"
อ้างอิงจากข้อมูลจากสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ของสหราชอาณาจักร ภาวะสูญเสียการสื่อความ มักมีสาเหตุจากความเสียหายในสมองซีกซ้าย ทำให้นึกภาษาหรือคำพูดได้ลำบาก กระทบต่อการ อ่าน, ฟัง, พูด, พิมพ์ หรือเขียน ของผู้ป่วย โดยอาการที่พบได้บ่อยที่สุดคือ ปัญหาทางการพูด รวมถึงการประสมคำไม่ถูกต้อง
ขอขอบคุณ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ / นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์