svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

“กัญชา” ดีในการรักษา แต่ยังเป็นยาเสพติด ปลูกไม่ขออนุญาตจับติดคุก

14 มกราคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หมอธีระวัฒน์ ชี้เนื้อแท้ "พืชกัญชาเป็นยา" เป็นทั้งต้น ราก ใบ ดอก ตามตำราของแพทย์แผนไทยที่จารึกไว้แต่โบราณกาล ด้านรองเลขาธิการ ป.ป.ส. ยัน "กัญชา" ปลูกโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมาย

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ถึงกรณี "กัญชา" เพื่อเป็นยารักษาให้แก่ประชาชนที่เจ็บ ป่วย โดยระบุว่า  

 

กัญชา กัญชง กับ โควิด
ในประเทศไทย ทราบกันมานานในฤทธ์แก้การอักเสบ และการ ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็น แต่ในรูปแบบ ของสารที่ไม่ได้สกัดเป็นตัวๆ เพราะกลไกการออกฤทธิ์ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งเดียว เดี่ยวๆ

 

อย่างไรก็ตาม ต่างชาติ ได้เรียนรู้จากกระบวนการสมัยใหม่ อย่างที่มีรายงานทยอยตามกันมา

เราลืมบรรพบุรุษ ตำราจารึกแผนไทยไปหรือเปล่า ?


การวิเคราะห์ ตำรับแพทย์แผนไทย 15 ตำรับ และการสกัดแบบต่างๆจากส่วนต่างๆ หรือทั้งหมดในรูป สด ความร้อน ทิ้งให้แห้ง สกัดร้อน เย็น เดี่ยว หรือคู่กับ เมล็ดอื่น ให้สารต่างกันและได้ผลในโรคต่างๆกัน

 

นี่คือมรดกไทย ให้พวกเรา

 

 

“กัญชา” ดีในการรักษา แต่ยังเป็นยาเสพติด ปลูกไม่ขออนุญาตจับติดคุก

 

 

รายงาน ตปท. ตอกย้ำ สิ่งที่คนไทยทราบจาก การเฝ้าสังเกตุ ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อได้ตำรับต่างๆ


เราคือ “คนไทย” ใช่หรือไม่?

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังมีบทความที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์  ได้เขียนไว้ในหัวข้อเรื่อง  "เรื่องของกัญชาสะท้อน ความนิ่งเฉย ความเสื่อมถอย ของน้ำใจ และความเมตตา"

 

มีใจความบางตอนนำเสนอประเด็น การปลดล็อกกัญชา อาทิเช่น

 

นักกฎหมาย แสดงความเป็นห่วงว่าพืชกัญชาที่มาเป็นยาจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสายพันธุ์นั้น สายพันธุ์นี้ เอาส่วนไหนมา ดอกก็มี ต้นก็ได้ ใบ ราก เมล็ด แล้วจะเรียกว่ายาได้อย่างไร จะปล่อยให้ออกมาได้อย่างไร ต้องสั่งเข้าดีกว่าเป็นมาตรฐาน ควบคุมได้หมดจด

 

 

“กัญชา” ดีในการรักษา แต่ยังเป็นยาเสพติด ปลูกไม่ขออนุญาตจับติดคุก

 

 

แพทย์แผนปัจจุบัน ห่วงว่าจะรู้ว่ามีประโยชน์ ได้อย่างไร ในเมื่อตำราก็ดีหรือวารสารที่ตีพิมพ์

 

โดยเฉพาะข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์อภิธาน (meta-analysis) ซึ่งใช้ดูผลตามสถิติ ก็บอกว่าใช้ได้สามสี่โรคเท่านั้น จะเอาไปใช้อย่างอื่นได้อย่างไร ไม่สนใจรายงานเป็นรายๆ เป็นกลุ่ม ไม่สนใจผู้ป่วยคนไทยที่ได้รับการรักษาด้วยกัญชาพื้นบ้านแล้วอยู่ได้ด้วยความสุข บรรเทาอาการทรมาน เริ่มช่วยตนเองได้ ไม่เป็นภาระ แทนที่จะลงไปหาความจริงให้เห็นกับตา เกิดอะไรขึ้น

 

และพร้อมกันนั้น แพทย์ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ด้วย แสดงความเป็นห่วงว่าแล้วจะอธิบายกลไกทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร?

ทั้งๆ ที่แม้ว่าคนไข้ที่เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาจะดีขึ้นจากกัญชาก็ตาม จะรอดจากกัญชาก็ตาม แต่อธิบายไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่ควรจะใช้กลายเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมไม่ถูกต้องตามกระบวนการที่อธิบายได้ด้วย วิทยาศาสตร์

 

แต่โดยเนื้อแท้พืชกัญชาที่เป็นยา เป็นทั้งต้นรากใบดอก ล้วนมีส่วนประกอบของสารต่างๆไม่เท่ากันและเป็นที่มาของการใช้ในสัดส่วนต่างๆ กัน ตามตำราของแพทย์แผนไทยหรือที่จารึกไว้แต่โบราณกาล

 

ลักษณะของการใช้ที่ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เรียกว่าใช้ทุกอย่างที่มาจากพืช full spectrum เป็นการออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของการสร้างสารกัญชาในร่างกายอีกทอด โดยผ่านตัวรับหลากหลายที่อยู่ในมนุษย์ตั้งแต่หัวจดเท้าทุกเซลล์และทุกอวัยวะ และเลือกที่จะทำงานตามความเหมาะสม และสั่งงานให้มีการประสานกันของระบบต่างๆ

 

การวิเคราะห์วิจัยด้วยแบบแผนปัจจุบันยืนยึดถือตามหลักตายตัวว่า จะต้องใช้อะไร จากที่ใด ปริมาณแค่ไหน ในเวลาเท่าไหร่ และเปรียบเทียบผล แต่ไม่ได้ตระหนักถึงธรรมชาติของพืชกัญชาที่นำมาใช้เป็นยาและการตอบสนองซึ่งต่างกันในแต่ละคน แม้ว่าจะเป็นโรคเดียวกัน

 

คำอธิบายเบื้องลึกทางวิทยาศาสตร์จนปัจจุบันมีมากมาย โดยเป็นยอดปรารถนาของบริษัทยา และขอจดสิทธิบัตรพืชกัญชาในประเทศทั้งหมด

 

แต่แท้จริงแล้วการใช้ในคนป่วย ไม่ได้ยากเกินไปที่จะใช้ และประชาชนคนทั่วไปก็มีการใช้มาเนิ่นนานด้วยการปรับขนาดขึ้นลงของตนเอง และสามารถอธิบายได้ตามหลักการของการออก ฤทธิ์กัญชาในสมัยใหม่ โดยที่คนป่วยเหล่านี้มักเป็นคนยากไร้ ยากจนที่สุดในประเทศหรือที่เข้าไม่ถึงการรักษาหรูหรา หรือไม่สามารถเข้าไปรอรับการรักษาในโรงพยาบาลซึ่งแออัด และ หมอและพยาบาลหยิบมือไม่สามารถรับมือได้

 

อีกทั้งโรคก็มีระดับความซับซ้อน และแทรกซ้อนเกินกว่าความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่จะแก้ไขได้

 

และเป็นที่มาที่คนยากไร้เหล่านี้พบหนทางในการรักษาตนเองให้พ้นจากความทรมานจนกระทั่งถึงหาย ที่ได้เห็นประจักษ์ชัดในคนป่วยต่างๆ ที่ถูกตราหน้าว่าใช้ของผิดกฎหมายใช้ยาเสพติด จนกระทั่งถูกจับ ปรับ ถูกเข้าคุกแม้ว่า เห็นอยู่ชัดเจนด้วยตาว่าเจ็บป่วย โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ก็ตาม และปลูกสิบต้นถูกกล่าวหาว่ามากเกิน

 

โดยไม่เข้าใจว่า คนป่วยใช้ใบในการรักษาด้วย ไม่ใช่สกัดแต่น้ำมันจากดอก จนกระทั่งมีการอบส่วนต่างๆ หรือใช้ชงแบบน้ำชา ในการบรรเทาอาการปวด เครียด นอนไม่หลับ ในผู้สูงอายุในพื้นที่

 

เราควรละอายใจหรือไม่อย่างไร ที่เราอยู่ในที่ปลอดภัย และปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามตัวหนังสือ เถรตรง แต่ไม่ได้ช่วยกันทำให้ดีขึ้น ในสิ่งที่ควรจะเป็นและต้องเป็น

 

ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใด ทางวิทยาศาสตร์แพทย์ กฎหมาย สังคม ผู้บริหาร จำต้องนึกอยู่เสมอและ ใส่ใจว่าที่ทำอยู่ขณะนี้ทำเพื่อใครไม่ใช่ทำเพื่อตนเองอย่างเดียวแต่วิชาความรู้ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำเพื่อความยุติธรรมกับคนที่อ่อนด้อย ไร้โอกาส ไม่มีที่พึ่งให้พอลืมตาอ้าปากได้

 

และเราคนไทยทั้งประเทศควรจะนิ่งเฉยปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมเช่นนั้นหรือ?

 

 

“กัญชา” ดีในการรักษา แต่ยังเป็นยาเสพติด ปลูกไม่ขออนุญาตจับติดคุก

 

 

ป.ป.ส. ยัน "กัญชา" ปลูกโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมาย

ด้านนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (รองเลขาธิการ ป.ป.ส.) ในฐานะโฆษก สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เปิดเผยถึงกรณีการถูกจับกุมจากการปลูกกัญชา รวมถึงข้อสงสัยว่ากัญชาสามารถปลูกได้อย่างเสรีแล้วหรือยัง หลังจากประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2564 ซึ่งในหมวดประเภทของยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ไม่มีชื่อกัญชาอยู่ในยาเสพติดประเภท 5 โดยระบุว่า "ประเภท 5 ยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าอยู่ในประเภท 1 ถึงประเภท 4 เช่น พืชฝิ่น"

 

“กัญชา” ดีในการรักษา แต่ยังเป็นยาเสพติด ปลูกไม่ขออนุญาตจับติดคุก


แม้ว่าประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ จะไม่มีชื่อกัญชาอยู่ในยาเสพติดประเภท 5 แต่ประมวลกฎหมายยาเสพติดฯใหม่นั้น ได้ประกาศไว้ถึงการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษว่า ยาเสพติดให้โทษชื่อใดอยู่ในประเภทใด ให้เป็นไปตามกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ส. ประกาศกำหนด ซึ่งจากเรื่องดังกล่าว กัญชา ยังคงอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563 ที่มีผลบังคับใช้อยู่ ยกเว้นวัตถุหรือสาร เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศ เช่น เปลือก เส้นใย ใบที่ไม่มีช่อดอกติดมา สารสกัด CBD ที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก

 

 

ดังนั้น การปลูกกัญชาเองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท 5 โดยแม้ว่าจะปลดล็อกในบางส่วนของพืชกัญชาเช่น เปลือก เส้นใย ใบ รวมถึง สาร CBD แต่มีข้อแม้ว่าส่วนประกอบดังกล่าวต้องมีที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

 

 

“กัญชา” ดีในการรักษา แต่ยังเป็นยาเสพติด ปลูกไม่ขออนุญาตจับติดคุก


โดยผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 5 อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 93 ของประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท

 

ถ้าเป็นการกระทำเพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท

 

ทั้งนี้ การขออนุญาตปลูกกัญชา สามารถทำได้ โดยต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ สถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่รวมกลุ่มกันจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม หรือสหกรณ์การเกษตร และร่วมกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อขออนุญาต ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ หรือ อย. และต้องดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

 

“กัญชา” ดีในการรักษา แต่ยังเป็นยาเสพติด ปลูกไม่ขออนุญาตจับติดคุก

 

 

logoline