23 กันยายน 2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงข้อเท็จจริงและประโยชน์ของการฉีดวัคซีนเข้าชั้นกล้ามเนื้อและในใต้ผิวหนัง ว่า ในการฉีดวัคซีนเข้าร่างกายมีด้วยกัน 3 รูปแบบ ดังนี้
“วิธีการฉีดวัคซีนในชั้นผิวหนัง จะช่วยประหยัดกว่าปกติถึง 1 ใน 5 ของวัคซีน จากเดิมวัคซีน 1โดส สำหรับ 1 คน แต่หากฉีดในชั้นผิวหนัง สามารถฉีดได้ถึง 5 คน ”
จากการติดตามผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนในชั้นผิวหนัง พบว่ามีผลข้างเคียงเฉพาะในจุดที่รับวัคซีนมากกว่าปกติ ปวด บวมแดง มากกว่าการฉีดเข้าชั้นกล้ามเนื้อ ส่วนเรื่องการเกิดภูมิคุ้มกันพบว่าไม่แตกต่างกับการรับวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า เมื่อมีการเปรียบเทียบระดับภูมิคุ้มกันของวัคซีนโควิด-19 ว่า สามารถต่อสู้กับเชื้อเดลตาได้หรือไม่นั้น พบว่าวิธีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ระหว่างกล้ามเนื้อและในชั้นผิวหนัง ไม่แตกต่างกันเช่นกัน
ในการฉีดวัคซีนโควิด ของ แอสตร้าเซนเนก้า เข้าชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อเป็นการบูสเตอร์โดสเข็ม 3 หลังรับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม พบว่า ให้ระดับภูมิคุ้มกันที่ 52 เช่นเดียวกับการฉีด แอสตร้าเซนเนก้า แบบเข้าชั้นผิวหนัง เพื่อเป็นเข็ม 3 ให้ระดับภูมิคุ้มกัน 52 เช่นกัน
ทั้งนี้ การวิธีการฉีดวัคซีนแบบเข้าชั้นผิวหนัง ยังไม่ได้กำหนดเป็นนโยบาย ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพื้นที่ และความชำนาญของผู้ที่ฉีด โดยเตรียมทดลองฉีดวัคซีนเข้าชั้นผิวหนัง ที่ จ.ภูเก็ต ก่อน