
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เร่งทำการปฐมพยามยาบาลก่อนส่งรพ.สมเด็จพระสังฆราช แต่ทั้งสองทนพิษบาดแผลไม่ไหว กระทั่งเสียชีวิตในที่สุด
โดยนายเสน่ห์ เกษมสร้อยอายุ 47 ปี โชเฟอร์รถบรรทุกให้การอ้างว่าจะมาขนถ่ายสินค้า แต่ขับเลยเส้นทางเข้าซอย ด้วยความรีบร้อน จึงเบรกรถก่อนถอยหลังจะเลี้ยวเข้าเส้นทาง โดยจังหวะนั้นมองด้านหลังแล้วไม่เห็นว่ามีรถตามมา แต่พอถอยหลังแล้วรถไปทับสิ่งของบางอย่าง ด้วยความสงสัยจึงขยับรถเดินหน้าอีกครั้ง ก่อนลงมาดู ปรากฏว่าสิ่งที่ทับกลับกลายเป็น จยย.กับคนเจ็บ จึงรีบประสานความช่วยเหลือทันที เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนพยานเพิ่มเติม ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้งสองราย ชื่อนางกัญนิญา วรรณเผือก อายุ 46 ปี และ น.ส.สินีรัตน์ วรรณเผือก อายุ 19 ปี เป็นแม่ลูกกัน ทราบต่อมาว่ากำลังกลับจากไปเยี่ยมญาติที่ป่วยอยู่ใน รพ.พระนครศรีอยุธยา
ด้านนายสุพัฒน์พงค์ วรรณเผือก อายุ 51 ปี สามีของและพ่อของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ตนเองเป็นแผลติดเชื้อที่มือขวา รับการรักษาที่โรงพยาบาล เพิ่งไปนอนเมื่อวันที่ 28 ส.ค. เป็นคืนแรก เพื่อผ่าตัดมือและฉีดยาฆ่าเชื้อ
และช่วงสายวันที่ 29 ส.ค.ภรรยาและลูกสาว ขี่รถจักรยานยนต์มาเยี่ยม และดูอาการ ก่อนจะขอตัวกลับตอนใกล้เที่ยง จะกลับบ้านก่อนมาเตรียมตัวไปร่วมงานศพญาติ และไม่ทันได้สั่งเสียอะไรกัน มีแต่บอกว่า "กลับก่อนนะ"
"ผมช็อกและเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แทบใจสลาย ไม่กล้าดูคลิปกล้องวงจรปิดเลย จะอ้างว่าขับเลยก็เข้าใจ แต่ควรจะหยุดเมื่อรู้สึกว่าเหยียบอะไร แต่ไม่หยุด"
ทั้งนี้ ลูกสาวที่เสียชีวิตเป็นลูกสาวคนเล็ก เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 คณะบริหารการจัดการ กำลังจะมีอนาคตที่ดี แต่กลับมาเสียชีวิตก่อน ส่วนทางบริษัทรถบรรทุก 18 ล้อ รับปากว่าจะเดินทางมาพูดคุยกับครอบครัวถึงการเยียวยาต่อไป