
ชาวนาในพื้นที่ตำบลสายคำโห้ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ต้องเสี่ยงหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวแห้งลงในแปลงนาที่แห้งไม่มีน้ำ ตามวิธีที่เรียกว่า "หว่านแห้ง หรือ หว่านสำรวย" เป็นการหว่านข้าวนาปีของชาวนา ด้วยหวังว่าจะมีฝนตกลงมาและทำให้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่หว่านลงไปจะงอกงามขึ้นมา และคงต้องเสี่ยงกับฝน หากไม่มีฝนตกลงมาภายใน 2-3 เดือน จะทำให้พันธุ์ข้าวที่หว่านไปเสียหาย และขาดทุน โดยสาเหตุที่ชาวนาต้องเสี่ยงกับความเสียหายจากภาวะภัยแล้ง เนื่องจากหากไม่ทำช่วงนี้ก็จะไม่ทันในการเก็บเกี่ยว เนื่องจากจะเข้าสู่ฤดูน้ำหลากน้ำก็จะท่วมข้าวจนได้รับความเสียหายก่อนเก็บเกี่ยว
นาย สุบรรณ บุญทัน อายุ 67 ปี ชาวนาในพื้นที่ตำบลสายคำโห้ อำเภอเมืองพิจิตร เปิดเผยว่าการหว่านข้าวแห้งในหน้านี้ เสี่ยงต่อการเสียหายของเมล็ดข้าวที่หว่านไปเพราะไม่รู้ว่าจะมีฝนตกลงมาตอนไหน และต้องเสี่ยงนกและหนูที่คอยจะมากินเมล็ดข้าวที่หว่านเอาไว้ และหากไม่มีฝนตกลงมาในช่วง 2-3 เดือน จะทำให้เมล็ดข้าวแห้งที่หว่านไปเสียหาย ไม่งอก และจะต้องลงทุนหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวใหม่เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับเกษตรกรชาวนา
สำหรับนาข้าว ตำบลสายคำโห้ อำเภอเมืองพิจิตร เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน ต้องเจอกับสภาวะที่แห้งแล้งและน้ำท่วมซ้ำซาก ไม่มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติ จึงไม่สามารถทำนาปรังได้ จะทำได้ก็เฉพาะนาปีเท่านั้น ส่วนวิธีการทำนาก็จะใช้วิธีหว่านแห้ง คือ หว่านสำรวยโดยไม่มีน้ำ และรอความหวังจากน้ำฝนที่จะตกลงมาซึ่งเป็นความหวังเดียวในการทำนาเท่านั้น
เรื่อง-ภาพ โดย สายันต์ ชูฉ่ำ