
ซึ่งนายมาหามะยากี แวซู หนึ่งในชาวบ้านไม่สามารถนิ่งดูดายอยู่ จึงถ่ายภาพโพสต์ลงในสื่อออนไลน์เพื่อขอคำแนะนำในการที่จะทำอย่างไรให้พิกุลต้นนี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตอไม้ยังเหลืออยู่แม้สภาพภายในจะเป็นโพรงไปแล้วก็ตาม จนกระทั่งวันนี้ (2 มิ.ย.) ได้มี นายวิภู โลหะสัมฤิทธิ์เจ้าหน้าที่บริษัทรับตกแต่งต้นไม้แห่งหนึ่งจากกรุงเทพ หรือที่เรียกกันว่า หมอต้นไม้ ได้รับการติดต่อให้เดินทางมารักษาตอต้นพิกุลที่เหลืออยู่ตามหลักวิชาการ โดยตัดเนื้อไม้ส่วนที่ฉีดขาดและแห้งให้เหลือส่วนที่ยังสดอยู่ แล้วพ่นยาโพลียูรีเทน เพื่อป้องกันความชื้นออกจากต้นเนื้อไม้ ใส่ยาเร่งราก และ ฉีดยากันปลวกมอดป้องกันที่จะมากัดกิน จากนั้นใช้ตาข่ายมาคลุมทับกันแดดเผา คอยเวลาที่กิ่งใหม่จะโผล่ขึ้นมาอีกครั้งซึ่ง จากนี้ไปต้องคอยรดน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่ลำต้นจะได้มีความชื้นอยู่ตลอด
นับจากนี้ไปชาวบ้านที่นี่ต่างคอยด้วยความหวังว่าพิกุลต้นนี้จะฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง มีว่าคุณค่าทางประวัติศาสตร์บนผืนแผ่นดินลังกาสุกะแห่งนี้
อนึ่งสำหรับสุสานรายา 3 พี่น้องแห่งนี้ เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าเมืองปัตตานี 3 พระองค์ ได้แก่รายาฮีเยา รายาบีรู และรายาอูงู ทั้งสามพระองค์เป็นธิดาของสุลต่านมันศูร ชาร์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองปัตตานีต่อเนื่องกันทั้ง 3 พระองค์ ในสมัยรายาฮีเยาถือว่าเป็นยุคทองด้านการค้ากับต่างประเทศ เนื่องจากได้เปิดสัมพันธ์ทางการค้าและการฑูตกับญี่ปุ่น ตั้งแต่พ.ศ.2135 เป็นต้นมา ในปี พ.ศ.2144 ได้อนุญาติให้บริษิทอินเดียตะวันออกของฮอลันดามาตั้งสถานีการค้าที่เมืองปัตตานี ในปี พ.ศ.2148 ได้อนุญาติให้ชาวสเปนเข้ามาค้าขาย และในปี พ.ศ.2155 ได้ทำสัญญาค้าขายกับอังกฤษ ต่อมาในสมัยรายาบีรูได้เสริมกำแพงเมืองด้านหน้าประตูวังให้มีความแข็มแข็งแน่นหนามากขึ้น มีการหล่อปืนใหญ่เพื่อเติม โดยเฉพาะปืนใหญ่ 3 กระบอกคือ พญาตานี ศรีนครา และมหาเสลา