
กรณีที่ไทยทำหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติ เพื่อประท้วงกัมพูชาเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีการตอบรับอย่างไรบ้าง
16 ธันวาคม 2568 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่ทำหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติ (UN) เนื่องจากกัมพูชาทำหนังสือส่งไปก่อน และยังไม่เห็นประเทศใดที่อยู่ในคณะมนตรีความมั่นคงฯ เห็นความจำเป็นที่ต้องเรียกประชุมพิเศษ จึงยังไม่ถึงขั้นต้องเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และจะมีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน นัดพิเศษ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้
ส่วนท่าทีของจีนต่อเรื่องนี้ เมื่อวานนี้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้คุยกับ เอกอัครราชทูตจีน ซึ่งทูตชี้แจงว่า อยากเห็นไทยและกัมพูชา กลับสู่สันติภาพ และอยากให้แก้ไขปัญหาระหว่างกันด้วยสันติวิธี ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมอยู่แล้ว แต่การหยุดยิงเป็นสิ่งที่สองฝ่ายต้องปฏิบัติร่วมกัน โดยท่าทีของไทยชัดเจน ว่าหากหยุดยิง กัมพูชาต้องยุติก่อน จากนั้นจึงค่อยมาพูดคุยกัน
ส่วนอาวุธเป็นอาวุธชนิดใหม่ และมีการคาดการณ์ว่าเป็นของจีน ทางการจีนชี้แจงอย่างไรบ้างนั้น
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า อาวุธที่จีนให้กับกัมพูชาเป็นของเก่า และ ทางการจีนไม่ได้มีการส่งมอบอาวุธใหม่ ดังนั้นอาจจะมีหลายวิธีการทำให้ได้มาซึ่งอาวุธต่างๆ เหล่านี้ เรื่องนี้ติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะการที่กัมพูชาใช้อาวุธจากจีน ซึ่งถือเป็นอาวุธหนัก และยังโจมตีมาฝั่งไทย ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้มีการติดตามและพูดคุยกับฝ่ายจีน
ปมทหารรับจ้าง ต่างชาติ
นายสีหศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ยังไม่มีการยืนยันเกี่ยวกับทหารรับจ้าง ต่างชาติ เข้ามาช่วยกัมพูชาสู้รบ ซึ่งเป็นเพียงข่าว ยังตรวจสอบไม่ได้
สำหรับความชัดเจนเรื่องการเจรจาระหว่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายสีหศักดิ์ ยืนยันว่า วันนั้นไม่มีการพูดคุยกันเรื่องการหยุดยิง ซึ่งไทยยืนยันไปว่าหากจะหยุดยิงกัมพูชาต้องเริ่มก่อน หากจะมีการหยุดยิงจริงๆ ต้องมีการพูดคุยกันว่าจะเริ่มหยุดยิงช่วงเวลาใด และขั้นตอนควรเป็นอย่างไร ย้ำว่ายังไม่มีการพูดไปถึงจุดนั้น
ส่วนเรื่องภาษีสหรัฐฯนั้น
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าเรื่องนี้ให้มีการเจรจาให้คืบหน้าต่อไป ไม่ได้มีสิ่งใดที่บอกว่าจะระงับการเจรจาภาษี