คนร้ายใช้ จยย.บอมบ์ บึ้มป้อม ตร.ปัตตานี เผาโรงงานไม้ยางรือเสาะ

20 กันยายน 2568 ที่ จ.ปัตตานี มีรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา คนร้ายได้ลอบวางระเบิด จยย.พ่วงข้างบอมบ์ บริเวณหน้าป้อมตำรวจทางหลวงกลาพอ (ส.ทล.5 กก.7.บก.ทล.) ริมถนนสาย 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) พื้นที่ ม.1 บ้านเกาะบอน ต.เตราะบอน อ.สายบุรี เบื้องต้นพบ คนร้ายใช้ จยย.พ่วงข้าง ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ซุกระเบิดแสวงเครื่อง นำมาจอดทิ้งบริเวณด้านข้างอาคารป้อมตำรวจ แล้วจุดชนวนระเบิด แรงระเบิดส่งผลให้อาคารสำนักงานของป้อมตำรวจ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ผนังและหลังคาพังถล่มลงมา รถยนต์ของทางราชการที่จอดอยู่ใกล้เคียง ได้รับความเสียหายจากสะเก็ดระเบิดไปด้วย 




ต่อมาในเวลา 08.30 น. พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ หน่วยในพื้นที่ได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) และหน่วยที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการตรวจสอบ และเก็บวัตถุพยานตั้งแต่เช้ามืด แม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับฟังการรายงานสถานการณ์ จากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมตรวจสอบด้วยตนเอง และกำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง เร่งเก็บข้อมูลหลักฐาน เพื่อขยายผลสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วย เพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันเหตุซ้ำซ้อน ดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างเข้มงวด 

นราธิวาส โจรใต้บุกเผาโรงงานไม้ยางที่รือเสาะรถวอด 5 คัน
 

ส่วนที่ นราธิวาส พล.ต.ต.ประยงค์ โคตรสาขา ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และ พ.ต.อ.ศุภชัย ศุภกิจจารักษ์ ผกก.สภ.รือเสาะ พ.อ.สิทธิชัย บำรุงเขต ผบ.ฉก.ทพ.46 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบที่ บริษัทโรจพาราวู้ด จำกัด ซึ่งประกอบกิจการโรงงานผลิตไม้ยางพารา เพื่อทำเฟอร์นิเจอร์ส่งออก ใน ม.2 ต.สาวอ อ.รือเสาะ ที่ถูกคนร้ายบุกวางเพลิง รถโฟล์คลิฟท์และรถยนต์กระบะ ได้รับความเสียหายรวม 5 คัน เมื่อช่วงกลางดึกเช่นกัน

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบตัวโรงงานก่อสร้างในลักษณะคล้ายโรงยิมเนเซี่ยมโปร่งทั้ง 4 ด้าน มีการวางอุปกรณ์เครื่องมือเป็นสัดส่วน ทั้งกองไม้แปรรูป ลานจอดรถ และเครื่องจักรกล ส่วนที่ได้รับความเสียหาย เป็นส่วนพื้นที่ลานจอดรถ พบรถโฟล์คลิฟท์ ได้รับความเสียหาย 4 คัน และรถยนต์กระบะวีโก้ เสีนหาย 1 คัน 

สอบพบต้นเพลิงมาจากอนุภาพของระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายซุกไว้ในท่อแปปเหล็กทรงกลม หนักประมาณ 2 ก.ก. จุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรล จำนวน 2 ลูก ผูกหรือมัดไว้กับขวดน้ำมันเชื้อเพลิง นำไปวางไว้ที่บริเวณที่พักเท้าของรถโฟล์คลิฟท์ 2 คัน มีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง ตกกระจายเกลื่อนในรัศมี 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

สอบถามพนักงานโรงงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงกะดึก ทราบว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีพนักงานคนใดเห็นคนร้าย แต่จู่ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจำนวน 2 ครั้ง และเกิดเพลิงไหม้ที่บริเวณรถโฟล์คลิฟท์ และรถยนต์กระบะ จึงได้ช่วยกันดับเพลิง พนักงานอีกส่วนเคลื่อนย้ายรถยนต์กระบะและรถยนต์ 10 ล้อ ออกมาจากตัวอาคารโรงงาน แต่เพลิงที่กำลังลุกไหม้ไม่สามารถสกัดต้นเพลิงเอาไว้ได้ จึงได้แจ้งขอความช่วยเหลือสนับสนุนรถดับเพลิงมาฉีดน้ำดับไฟ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้



จากการสอบสวน มีความเป็นไปได้ที่คนร้ายไม่ทราบจำนวน แอบแฝงตัวมาทางด้านประตูรั้วกำแพงด้านหลังของโรงงาน ที่ไม่ได้มีการล็อดประตู เนื่องจากใช้เป็นประตูสำหรับให้พนักงานเข้าออก โดยตลอดมาทางโรงงานไม่ได้มีการจัดเวรยามเฝ้ารักษาการณ์ที่ประตูดังกล่าว เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะอาศัยความมืด แอบเล็ดลอดเข้ามาทางดังกล่าว แล้วแยกย้ายกันนำระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก ไปวางที่รถโฟล์คลิฟท์ทั้ง 2 คัน ก่อนจุดชนวนด้วยรีโมท

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงงาน ที่ติดตั้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งเส้นทางต่างๆ ที่มุ่งหน้าสู่โรงงานว่า สามารถที่จะบันทึกพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายเอาไว้ได้หรือไม่อย่างไร ติดตามมาดำเนินคดี

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ ก่อกวนเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มีมาตรการคุมเข้ม และกระชับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นการกดดันการเคลื่อนไหวของกลุ่มได้ จึงทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ต้องการแสดงการมีตัวตน และสร้างสถานการณ์ขึ้นมา