
23 กรกฎาคม 2568 น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงผลการประชุม War room กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อติดตามสถานการณ์ "พายุวิภา“ ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ 30 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ
โดยระบุว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ติดตามสถานการณ์พายุวิภาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเตรียมความพร้อมรับมือและยกของขึ้นที่สูง ป้องกันความเสียหาย รวมถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงขอให้อพยพไปยังพื้นที่ที่จัดไว้ให้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ส่วนในพื้นที่ จ.น่าน ขณะนี้ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 ได้นำกำลังทหารอยู่ในพื้นที่แล้ว เพื่อช่วยเหลือประชาชน ขณะเดียวกันทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้จัดเตรียมในเรื่องของระบบในการทำงานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลกลุ่มเปราะบาง อาหาร เครื่องใช้ และระบบสาธารณะสุข
ดังนั้น ขอย้ำเตือนถึงน้ำที่จะเข้าสู่ในพื้นที่เศรษฐกิจของ จ.น่าน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำขึ้น 1 ชั่วโมง ประมาณ 30 เซนติเมตร เพราะถือเป็นปริมาณที่สูง จึงได้สั่งการให้ ปภ.และกรมชลประทาน เตรียมพร้อมรับมือนำเครื่องสูบน้ำลงพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อนำไปบรรเทาน้ำที่จะเข้าสู่ในพื้นที่ส่วนกลางให้มีระดับลดน้อยลงมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามน้ำยังมาแน่นอน จึงขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือด้วย
ในส่วนของ จ.พะเยา ได้มีการประชุมร่วมกับนายอำเภอปง พบว่าฝนยังตกอย่างต่อเนื่อง น้ำจึงยังอยู่ในปริมาณที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แม้ไม่ได้มีปริมาณสูงเท่าในพื้นที่อื่นๆ แต่หากมีฝนตกหนักก็จะมีปริมาณน้ำที่สูงขึ้นได้อีก
สำหรับ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ทางพื้นที่ได้เตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้ว แต่ใน จ.เชียงใหม่ ได้มีการเตรียมการระบายน้ำในแม่น้ำปิงแล้ว ทำให้ยังสามารถรองรับน้ำได้อยู่ ขณะเดียวกันก็ได้เพิ่มช่องทางระบายน้ำในแม่น้ำที่เกี่ยวข้อง และเตรียมความพร้อมเรื่องเขื่อน เพื่อให้พร่องน้ำให้เหมาะสมกับน้ำที่กำลังจะมา จึงมั่นใจว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบที่น้อย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ดูภาพรวมทั้งหมด และดูการพยากรณ์น้ำในช่วง 3-5 วันที่จะถึงนี้ โดยได้ฟังรายงานน้ำเหนือที่กำลังจะลงสู่ช่องทางน้ำต่างๆ จากกรมชลประทาน จึงขอความร่วมมือประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือ ซึ่งตนได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพและทันต่อสถานการณ์ โดยดูในหลักการรักษาชีวิตของประชาชน เป็นเรื่องสำคัญลำดับแรก ที่ต้องเข้าดำเนินการ และดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงาน พร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะจุดที่มีฝนตกสะสมมาก และมีน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ รวมถึงพื้นที่สำคัญ โดยให้ทางจังหวัดป้องกันไม่ให้น้ำเข้าสู่พื้นที่เหล่านั้น ส่วนในเรื่องของดินโคลนถล่ม เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องทำให้ดินอุ้มน้ำ จึงขอให้ทางจังหวัดที่มีพื้นที่เสี่ยง ป้องกันและอพยพประชาชนออกมาโดยเร็ว เพื่อรักษาชีวิตให้ปลอดภัยสูงสุด
สำหรับการทำงานในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการจากทุกหน่วยงาน ทำให้เกิดการช่วยเหลือประชาชนที่เป็นเอกภาพและเป็นไปตามแผนเผชิญเหตุที่ได้วางไว้ ซึ่งทางจังหวัดได้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด อำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในท้องถิ่น เพื่อควบคุมสั่งการและอำนวยการให้การระดมสรรพกำลังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และลดความสับสนที่จะเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติงาน
ส่วนเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น เบื้องต้นให้ดูการดำรงชีพ การตั้งโรงครัว การแจกถุงยังชีพ และดูแลสุขภาพจิตใจประชาชนให้ดีที่สุด รวมทั้งให้มีบุคลากรลงไปดูประชาชนไม่ให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ซ้ำเติมผู้ประสบภัย และอำนวยความสะดวกเรื่องของคมนาคม ด้วยการแจ้งเตือนก่อน
ส่วนในพื้นที่มีความเสี่ยง ทางการไฟฟ้าสามารถตัดไฟได้ทันที เพื่อป้องกันไฟรั่วหรือไฟดูด ขณะที่พื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย และให้ความช่วยเหลือ เช่น การล้างโคลนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
สำหรับการรายงานสถานการณ์ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดฯ รายงานให้ บกปภ.ช.ทราบในทุกวัน เนื่องจากทุกเช้าเวลา 09.00 น. จะมีการสรุปสถานการณ์ให้เท่าทันมากที่สุด ขณะนี้ทางผู้ว่าราชการทุกจังหวัดได้ส่ง cell broadcast และส่งแจ้งเตือนประชาชนในทุกช่องทางได้ทราบแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันจำนวน 56 ครั้ง แบ่งเป็นแผ่นดินไหว 2 ครั้ง อุทกภัย 45 ครั้ง ดินโคลนถล่ม 9 ครั้ง ในช่วงของวันที่ 20 กรกฎาคม 2568 สถานการณ์พายุวิภาส่งแจ้งเตือนไปแล้ว 24 ครั้ง อุทกภัย 15 ครั้ง ดินโคลนถล่ม 9 ครั้ง ส่วนวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ส่งแจ้งเตือนเพิ่มเติม 12 ครั้ง ในเรื่องของอุทกภัย ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนช่วยกันกระจายข่าวสารด้วย โดยเฉพาะใน จ.น่านที่เรายังเป็นกังวลอยู่