
4 มิถุนายน 2568 นี่คือภาพบางส่วนจากการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแนวปะการังนานาชนิดในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา โดยนายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ได้รายงานมายังนายเทอดไทย ขวัญทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นายจรัล ด้วงแป้น ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ไปตามลำดับจนถึงกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หลังจากมีการส่งนักประดาน้ำสำรวจความเสียหายจากการที่เรือขนส่งสินค้าสัญชาติพม่า ชื่ิอเรือ “MV.AYAR LINN” มาเกยตื้นอยู่บนแนวปะการังบริเวณอ่าวจาก เเละสร้างความเสียหายแก่ปะการังในบริเวณนี้
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ระยะทางตั้งแต่ต้นทางมีการชนแนวปะการังจากจุดแรก ไปจนถึงจุดที่เรือเกยตื้น ระยะทางรวมประมาณ 75 เมตร ซึ่งในระยะดังกล่าวแนวปะการังไม่ได้รับความเสียหายทั้งหมด มีเพียงแต่ปะการังที่ตั้งอยู่หรือรวมกลุ่มกันเป็นลักษณะก้อนสูง ที่ไม่พ้นท้องเรือได้รับความเสียหาย ถูกเรือลำดังกล่าวชน ได้รับความเสียหาย ปะการังแตกหัก
โดยจุดที่ปะการังได้รับความเสียหายมากที่สุดคือช่วงระยะที่ 45 - 75 เมตร เนื่องจากเป็นจุดที่เรือเกยตื้นและติดอยู่บนเเนวปะการัง ทำให้ปะการังที่อยู่ใต้ท้องเรือได้รับความเสียหาย แตกหัก และถูกเรือทับอยู่เกือบทั้งหมด
เบื้องต้นจากการประเมินพื้นที่ปะการังที่ได้รับความเสียหายคิดเป็นพื้นที่ ประมาณ 150 ตารางเมตร หลังจากมีการจำแนกพบว่ามี
และนอกจากแนวปะการังที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์เรือขนส่งสินค้าสัญชาติพม่า ชื่ิอเรือ “MV.AYAR LINN” ชนแนวปะการังจนเกยตื้น มีข้อกังวลเรื่องขยะทะเล เนื่องจากเรือดังกล่าวเป็นเรือขนส่งสินค้า จึงมีขยะจำพวกกระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก สายยาง และขยะอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่ติดอยู่บนแนวปะการัง
โดยอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เร่งระดมทุกภาคส่วนเข้าร่วมแก้ปัญหา จึงจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือแนวทางการจัดการ หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำน้ำ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ดำเนินการสำรวจสภาพเรือทั้งภายนอกและภายในตัวเรืออย่างละเอียด
พร้อมทั้งสำรวจตำแหน่งถังน้ำมันเชื้อเพลิงของเรือ เพื่อปิดวาล์วท่อรับและท่อส่งน้ำมันภายในตัวเรือ ป้องกันการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิง ประสานขอสนับสนุนทุ่นกักน้ำมัน (Oil Boom) เพื่อควบคุมปริมาณน้ำมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำไม่ให้แยกออกจากกัน และไม่ไหลไปตามกระแสน้ำ หากเกิดการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิง โดยขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานเจ้าท่า จังหวัดภูเก็ต, ศรชล.ภาค 3, ภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ประสานขอสนับสนุนยานพาหนะและอุปกรณ์สำหรับการปฏิบัติภารกิจในกรณีฉุกเฉินหากเกิดการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณมาก โดยขอรับการสนับสนุน “เรือหลวงปันหยี” พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ จากศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3
และดำเนินการตามฐานความผิดที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ร้องทุกข์กล่าวโทษ และสืบสวน สอบสวนผู้ต้องหาอย่างเข้มข้น เพื่อหาพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับเรือและการเข้าออกประเทศเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ หากพบฐานความผิดเพิ่ม จะประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป