svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

อัปเดตสถานการณ์ "โรคแอนแทรกซ์" มุกดาหาร พบกลุ่มเสี่ยง 638 ราย

อัปเดตสถานการณ์ "โรคแอนแทรกซ์" มุกดาหาร พบกลุ่มเสี่ยง 638 ราย ขณะที่ จ.เลย พบวัวตาย 3 ตัว ชาวบ้านผวากลัวโรคระบาด ด้าน นครพนม คุมเข้มชายแดน สกัดแอนแทรกซ์!

2 พฤษภาคม 2568 นายแพทย์ณรงค์ จันทร์แก้ว สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วน นาย นายชาคริต ชุมจันทร์ นายอําเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยถึงสถานการณ์ผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารว หลังพบผู้ป่วยเป็นโรคแอนแทรกซ์ เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัว1 ราย ซึ่งตอนนี้จำนวนผู้ป่วยเข้าข่ายเป็นโรคแอนแทรกซ์มี 3 ราย ขณะนี้ ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว 

นอกจากนี้ ยังพบผู้สัมผัส หรือกลุ่มเสี่ยง รวมกันกว่าอีก 638 ราย ประกอบด้วย 

  • ผู้ชำแหละเนื้อวัว 36 ราย 
  • ผู้รับประทานเนื้อดิบ 472 ราย 
  • ผู้สัมผัสโดยอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับผู้ชำแหละ 130 ราย 

โดยทั้งหมดทุกคนได้รับการตรวจคัดกรอง และได้รับยาป้องกันเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเหล่าหมี ยังมีประชาชนเข้ามาพบเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องซึ่งบางส่วนไม่ได้ ผู้สัมผัส หรืออยู่ในกลุ่ม กลุ่มเสี่ยงก็เดินทางมาปรึกษากับเจ้าหน้าที่เพราะกังวัลว่าถ้าท่านเนื้อในช่วงเวลาเดียวกันจะมีผลกระทบหรือไม่โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ให้คำปรึกษาพร้อมกับคำแนะนำในการสังเกตอาการพร้อมกับกําชับถ้ามีอาการเจ็บป่วยให้มาหาเจ้าหน้าที่ได้ทันที

อัปเดตสถานการณ์ "โรคแอนแทรกซ์" มุกดาหาร พบกลุ่มเสี่ยง 638 ราย

พบวัว 3 ตัวตาย ชาวบ้านผวากลัวการระบาดโรคแอนแทรกซ์

ขณะที่ จ.เลย ชาวบ้านพบวัวตาย 3 ตัว โดยไม่ทราบสาเหตุ รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ  เพราะหวั่นว่าจะเกิดโรคแอนแทรกซ์ระบาดในพื้นที่ 

โดยนายสมัย ฤทธิศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านแก่วตาว หมู่ 6 ต.นาดี อ.ด่านซ้าย จ.เลย ได้รับแจ้งจาก นายจัด ฤทธิศักดิ์ อายุ 60 ปี ลูกบ้านว่า นำวัวไปปล่อยที่ป่า ภายในหมู่บ้าน ห่างจากแม่น้ำเหืองไม่ไกลนัก พรมแดนไทย-ลาว พบว่าวัวอายุ 3-5 ปี เพศเมีย จำนวน 3 ตัว จู่ๆ วัวได้ตายลง คนละจุดห่างกันไม่เกิน 20 เมตร โดยไม่มีบาดแผล และไม่ทราบถึงสาเหตุการตาย หลังชาวบ้านในพื้นที่ทราบข่าว ต่างกลัวจะเป็นการระบาดโรคแอนแทรกซ์

อัปเดตสถานการณ์ "โรคแอนแทรกซ์" มุกดาหาร พบกลุ่มเสี่ยง 638 ราย

จนเมื่อเวลา 10.30 น. (2 พ.ค.2568) นายธนายุทธ ใยแก้ว นายอำเภอด่านซ้าย มอบหมายให้ จนท.ฝ่ายปกครอง อ.ด่านซ้าย ร่วมกับ แพทย์ และกรมปศุสัตว์ อ.ด่านซ้าย ร่วมตรวจสอบสาเหตุการตายของวัวทั้ง 3 ตัว โดยการสว๊อฟเพื่อส่งตรวจหาเชื้อ  ก่อนทำการฝังร่างของวัวที่ตาย

อัปเดตสถานการณ์ "โรคแอนแทรกซ์" มุกดาหาร พบกลุ่มเสี่ยง 638 ราย

เบื้องต้น ยังไม่อาจสรุปถึงสาเหตุการตายได้ แต่จากอาการที่พบไม่มีเลือดออกตามรูทวารทั้งห้า และตัวแข็ง ซึ่งอาจไม่เข้าตัวบ่งชี้ของโรคแอนแทรกซ์ ต้องรอผลนำชิ้นเนื้อไปตรวจอีกครั้ง และทำการพ่นยาบริเวณที่วัวตาย ระหว่างนี้ ได้แจ้งให้ชาวบ้านที่เลี้ยงวัว สอดส่องดูวัวของตัวเอง และช่วงนี้ขอให้งดทานเนื้อดิบ

คุมเข้มชายแดน สกัดแอนแทรกซ์! ยันไม่กระทบ ร้านเนื้อ-อีสาน ยังขายดี

หลังจากพื้นที่ จ.มุกดาหาร เผชิญวิกฤตโรคแอนแทรกซ์ คร่าชีวิตผู้ป่วยรายแรก สร้างความหวาดผวาไปทั่วภาคอีสาน "นครพนม" จังหวัดชายแดนหน้าด่านการค้าโคกระบือ ไม่ประมาท! สั่งยกระดับคุมเข้มการลักลอบนำเข้าสัตว์จากพื้นที่เสี่ยง พร้อมจับตา "เขียงเนื้อ" และ "ร้านอาหารอีสาน" เป็นพิเศษ ย้ำชัด ณ ขณะนี้ นครพนม ยังไม่พบการระบาด ประชาชนยังคงบริโภคเนื้อสัตว์ได้ตามปกติ แต่ต้องปรุงสุก เพื่อความปลอดภัยสูงสุด 

ถึงแม้สถานการณ์ในนครพนมจะยังคงปกติสุข บรรดาผู้ประกอบการเขียงเนื้อ และร้านอาหารอีสานชื่อดัง ต่างยืนยันถึงมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้าตนเอง อย่าง "เจ้นาง" เจ้าของเขียงเนื้อดอนโมง กล่าวด้วยความมั่นใจว่า "เขียงเนื้อของเราสะอาด เลี้ยงวัวตามขั้นตอน ได้คุณภาพ ผ่านการตรวจสอบจากปศุสัตว์ทุกขั้นตอนก่อนถึงมือผู้บริโภค" 

อัปเดตสถานการณ์ "โรคแอนแทรกซ์" มุกดาหาร พบกลุ่มเสี่ยง 638 ราย

เช่นเดียวกับ นายสุรชัย วะชุม เจ้าของร้านผู้ใหญ่ 2 โคขุน ลาบ ก้อย ต้ม ย่าง อำเภอศรีสงคราม เปิดเผยว่า "หลังมีข่าวแอนแทรกซ์ ลูกค้ายังมาอุดหนุนต่อเนื่อง เพราะมั่นใจเนื้อวัวที่สั่งตรงจากโรงเชือดมาตรฐาน มีการตรวจโรคถูกต้อง" 

อัปเดตสถานการณ์ "โรคแอนแทรกซ์" มุกดาหาร พบกลุ่มเสี่ยง 638 ราย

ด้าน นายสามารถ อ่อนสองชั้น ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม ได้ออกมาตรการเร่งด่วน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด โดยเน้นย้ำการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสัตว์จากพื้นที่เสี่ยงเป็นพิเศษ เนื่องจากเชื้อแอนแทรกซ์ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและอันตรายอย่างยิ่ง หากมีการระบาดในพื้นที่ การควบคุมและเฝ้าระวังจะยาวนานถึง 5 ปี! ที่สำคัญ เชื้อนี้ยังทนทานต่อสภาพอากาศร้อนชื้นได้ดีอีกด้วย 

พร้อมกันนี้ ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม สั่งการให้เกษตรกรในพื้นที่เฝ้าระวังสัตว์เลี้ยงของตนอย่างใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติ เช่น ซึม ไม่กินหญ้า หรือมีน้ำลายปนเลือด ให้สงสัยว่าเป็นแอนแทรกซ์ทันที และห้ามเข้าใกล้สัตว์ป่วยโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์โดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในตลาดสด 

อีกทั้้ง ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม ได้เน้นย้ำว่า โรงฆ่าสัตว์ทุกแห่งต้องมีใบอนุญาตและผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด โคกระบือที่จะนำมาชำแหละ ต้องมีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายและผ่านการตรวจโรค รวมถึงต้องมี Tag ติดที่หูทุกตัว ถึงกระนั้นก็ตาม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ปศุสัตว์จังหวัดนครพนมยังคงแนะนำให้ประชาชน "งดบริโภคเนื้อโค กระบือ แพะ และแกะดิบ" ในช่วงนี้ และควรปรุงสุกทุกครั้งก่อนรับประทาน พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังเป็นพิเศษไปยัง "เขียงเนื้อ" ต่างๆ ในตลาดสด เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของเนื้อสัตว์อย่างละเอียด ป้องกันการลักลอบนำเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบมาจำหน่าย 

สำหรับคำแนะนำเพื่อป้องกันโรคแอนแทรกซ์ ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม ระบุว่า หลีกเลี่ยงการสัมผัสโค กระบือ แพะ แกะ โดยตรง และล้างมือชำระล้างร่างกายทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์ เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก และมี "ตราสัญลักษณ์ปศุสัตว์ OK" รับรอง หากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที 

และหากมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ส่วนสถานการณ์การระบาดของโรคแอนแทรกซ์ในจังหวัดมุกดาหาร ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยที่สำคัญ จังหวัดนครพนม จึงดำเนินมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและอุตสาหกรรมการปศุสัตว์ในพื้นที่ ประชาชนในจังหวัดนครพนมยังคงต้องติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันและรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น