2 ตุลาคม 2567 จากกรณี รถบัสโดยสารครูและนักเรียน ของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้ทั้งคัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นครู 3 ราย และเด็กนักเรียน 20 ราย ต่อมา ทางคนขับรถบัสดังกล่าวได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ก่อนถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.คูคต ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อช่วงเวลา 13.00 น. วันนี้ (2 ต.ค.67) พนักงานสอบสวน สภ.คูคต ได้นำตัว นายสมาน อายุ 48 ปี คนขับรถบัสคันเกิดเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะคุมตัวออกมา ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายสมานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสมาน ยืนยันว่า ก่อนออกรถมีการตรวจเช็กสภาพรถแล้ว ซึ่งก่อนเกิดเหตุไม่ได้กลิ่นไหม้เลย
เมื่อถามว่าก่อนไฟลุกไหม้ได้เกิดอุบัติเหตุรถไปเฉี่ยวชนอะไรหรือไม่ นายสมานไม่ได้ตอบประเด็นนี้ และยืนยันว่าหลังเกิดเหตุก็พยายามจะช่วยดับไฟ แต่ช่วยไม่ทันเพราะไฟลุกเร็วมาก ยอมรับว่าตกใจจึงหนีไปบ้านญาติที่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง แต่ไม่ได้คิดจะหลบหนีไปเลย แค่อยากไปตั้งหลักเฉย ๆ และส่วนตัวก็รู้สึกผิดและอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่วนหนึ่งก็รู้สึกน้อยใจเพราะตนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์นี้ และสาเหตุที่ประตูด้านหลังเปิดไม่ได้เป็นเพราะเปลวไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วจึงทำอะไรไม่ได้เลย
หลังสอบปากคำแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายสมานไปฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้มีรายงานว่าเบื้องต้นพบว่าทางตำรวจ สภ.คูคต ได้แจ้งข้อหานายสมาน 4 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ม.291), หลบหนี ไม่หยุดช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวต่อเจ้าพนักงาน (ม.78) , ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ (ม.390) , และ ขับรถประมาทหวาดเสียว ม.43 (4) และอาจจะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือ ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส (ม.300) ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างต้องรอผลจากใบรับรองแพทย์
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นายสมาน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้เป็นเพราะถุงลมโช้คระเบิด รถจึงเสียหลักไปพุ่งชนกับแบริเออที่อยู่เกาะกลาง จึงพยายามเบรกประคองรถไว้ไม่ให้พลิกคว่ำ แต่จังหวะนั้นรถไปสีกับถนนจึงทำให้ไฟลุกไหม้ ซึ่งตอนเกิดเหตุได้พยายามเปิดประตูผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและตรงกลางรถแล้ว แต่ประตูเปิดได้แค่ด้านหน้า ประตูด้านหลังไม่เปิด
ส่วนประตูฝั่งคนขับก็เปิดไม่ได้เพราะติดแบริเออร์ จึงพยายามไปเปิดประตูด้านหลังอีกครั้ง ซึ่งต้องเปิดจากด้านในแต่เปิดไม่ได้ ขณะเดียวกันพยายามจะคว้าถังดับเพลิงที่อยู่ในรถ 2 ถัง แต่เข้าไปเอาไม่ได้เพราะไฟลุกแรงมาก จึงพาเด็กบางส่วนออกมาทางประตูด้านหน้า และรีบวิ่งไปคว้าถังดับเพลิงในรถบัสคันที่ 3 ที่ขับตามหลังมาเพื่อช่วยดับไฟ แต่ตอนนั้นตกใจเพราะไฟเริ่มไหม้เยอะ ยอมรับว่าไม่มีสติและกลัวโดนรุมประชาทัณฑ์ จึงตัดสินใจหนีไปขึ้นรถตู้ที่รังสิตไปตั้งหลักที่บ้านญาติใน จ.อ่างทอง
สำหรับนายสมานขับรถบัสมากกว่า 20 ปีแล้ว แต่เพิ่งมาขับกับบริษัทนี้ได้เพียง 3 ปี ยืนยันว่าไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถ และยืนยันว่ามีการตรวจเช็กรถทุกครั้งก่อนขับออกมา