svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

น้ำลำตะคองเอ่อท่วมโคราช อำเภอเมืองอำเภอเดียว เดือดร้อนเกือบ 1 พันครัวเรือน

โคราชฝนถล่มหนัก ลำตะคองเอ่อท่วมตัวเมืองสูง 40 - 50 ซม. เฉพาะอำเภอเมืองอำเภอเดียว เดือดร้อนเกือบ 1 พันครัวเรือน ขณะที่มวลน้ำจากทุ่ง หลากท่วมถนน ทำการสัญจรลำบาก แถมกัดเซาะจนถนนขาด

31 ตุลาคม 2566 ที่ จ.นครราชสีมา ตั้งแต่ช่วงคืนวานนี้ได้เกิดฝนตกในพื้นที่อย่างหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ โดยที่ อ.โชคชัย ตำรวจ สภ.โชคชัย เข้าตรวจสอบทางหลวงสาย 224 ราชสีมา - โชคชัย ฝั่งขาเข้าเมืองนครราชสีมา บริเวณยูเทิร์น หน้าสำนักงานขนส่งอำเภอโชคชัย พบมีน้ำท่วมขังบนผิวการจราจรเป็นจำนวนมาก และมวลน้ำจากทุ่ง ยังคงไหลมาต่อเนื่อง เอ่อล้นท่วมถนน ช่วง กม.26+550 ถึง กม.26+850  ตั้งแต่เวลา 01.00 น. คืนที่ผ่านมา 

โดยมวลน้ำดังกล่าว มาจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วานนี้ (30 ต.ค.) ทำให้น้ำฝนระบายลงท่อระบายน้ำไม่ทัน และสะสมตามไร่นา ก่อนหลากเข้าท่วมถนนสูง 10 - 20 เซนติเมตร กาารจราจรเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงโชคชัย แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 3 ต้องนำป้ายเตือน และกรวยยางมาวางเป็นแนว ในจุดที่ระดับน้ำลึก เพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวัง
น้ำลำตะคองเอ่อท่วมโคราช อำเภอเมืองอำเภอเดียว เดือดร้อนเกือบ 1 พันครัวเรือน
น้ำลำตะคองเอ่อท่วมโคราช อำเภอเมืองอำเภอเดียว เดือดร้อนเกือบ 1 พันครัวเรือน  
 

นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมจากทางอำเภอโชคชัยว่า มวลน้ำทุ่งจำนวนมาก ได้ไหลหลากจากพื้นที่บ้านคลองยาง ต.ละลมใหม่พัฒนา อ.โชคชัย ไปยังบ้านเสาเดียว เสา ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย และบางช่วงได้กัดเซาะผิวจราจรด้านใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าหมู่บ้าน จนถนนขาด และทรุดแตก กว้างประมาณ 4 - 5 เมตร กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านต้องระดมกำลังช่วยกันเอาทรายมากรอกใส่ถุง แล้วนำไปอุดถมใต้พื้นถนน เพื่อไม่ให้กระแสน้ำกัดเซาะ และพัดเอาดินใต้พื้นถนนหายไป จนทำถนนพังเสียหายเพิ่มขึ้นอีก 
น้ำลำตะคองเอ่อท่วมโคราช อำเภอเมืองอำเภอเดียว เดือดร้อนเกือบ 1 พันครัวเรือน
 

ขณะที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครราชสีมา ได้รายงานสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยว่า ช่วงระหว่างวันที่ 29 - 30 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา จังหวัดนครราชสีมา ได้รับอิทธิพลจากหย่อมความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อน ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ รวมทั้ง มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้จังหวัดนครราชสีมา มีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักต่อเนื่อง 
น้ำลำตะคองเอ่อท่วมโคราช อำเภอเมืองอำเภอเดียว เดือดร้อนเกือบ 1 พันครัวเรือน  

ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร ที่อยู่อาศัย รวมถึง เส้นทางคมนาคม เกิดน้ำท่วมขังรอการระบายในพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมืองนครราชสีมา ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำท่วม ที่ชุมชนมิตรภาพ ซอย 4 พบว่า ระดับน้ำได้ลดลงแล้ว เหลือเพียงบางพื้นที่ในชุมชน ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ ระดับน้ำท่วมสูง 40 - 50 เซนติเมตร ทำให้ประชาชนที่สัญจรไปมาได้รับความลำบาก
น้ำลำตะคองเอ่อท่วมโคราช อำเภอเมืองอำเภอเดียว เดือดร้อนเกือบ 1 พันครัวเรือน  

ทางเทศบาลนครนครราชสีมา ได้ให้เจ้าหน้าที่ออกมาทำความสะอาดถนน และเก็บขยะมูลฝอย ที่กีดขวางการระบายน้ำออก เพื่อเร่งระบายน้ำที่ยังคงท่วมขังในชุมชน ให้กลับสู่สภาวะปกติได้เร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ระดับน้ำในลำตะคอง ที่บริเวณสะพานข้ามลำตะคอง ชุมชนมิตรภาพ ซอย 4

เทศบาลนครฯ ได้นำธงสีน้ำเงินมาติดตั้งเอาไว้ แสดงถึงการเฝ้าระวังปริมาณน้ำในลำตะคองที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้น จนอาจเอ่อล้นไหลเข้าท่วมบ้านเรือนภายในชุมชนซึ่งระดับน้ำในลำตะคอง ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากมีฝนตกหนักในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม คาดว่า สถานการณ์น้ำท่วมขังในชุมชน จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายในเย็นวันนี้ 
น้ำลำตะคองเอ่อท่วมโคราช อำเภอเมืองอำเภอเดียว เดือดร้อนเกือบ 1 พันครัวเรือน
สถานการณ์ลำน้ำลำตะคองที่ไหลผ่านตัวเมืองโคราช  

อย่างไรก็ตาม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา ได้รายงานว่า ขณะนี้ยังเหลือ 1 อำเภอ ที่ได้รับผลกระทบ ก็คือ อำเภอเมืองนครราชสีมา โดยมี 4 ตำบล 1 เทศบาลนคร 17 หมู่บ้าน 1 ชุมชน รวม 960 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 500 ครัวเรือน ในชุมชนเทคโนวิลเลจ ตำบลในเมือง , 200 ครัวเรือน ใน 8 หมู่บ้านของตำบลบ้านใหม่ ,

180 ครัวเรือน ใน 2 หมู่บ้านของตำบลหัวทะเล , 50 ครัวเรือน ใน 5 หมู่บ้านของตำบลหนองกระทุ่ม และ 30 ครัวเรือน ใน 2 หมู่บ้านของตำบลหมื่นไวย อำเภอเมืองนครราชสีมา ซึ่งระดับน้ำลำตะคองในเขตเมืองนครราชสีมา ณ จุดสถานีวัดระดับน้ำท่าในแต่ละจุด แม้ระดับน้ำละเริ่มลดลง แต่ยังต้องจับตาเฝ้าระวังสถานการณ์อยู่
สถานการณ์ลำน้ำลำตะคองที่ไหลผ่านตัวเมืองโคราช
น้ำลำตะคองเอ่อท่วมโคราช อำเภอเมืองอำเภอเดียว เดือดร้อนเกือบ 1 พันครัวเรือน