svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

ชาวไทยเชื้อสายมอญ ทำบุญ "ตักบาตรน้ำผึ้ง" สืบสานประเพณี 100 ปี

ชุมชนชาวไทยเชื่อสายมอญ เมืองลพบุรี ทำบุญ "ตักบาตรน้ำผึ้ง" สืบสานประเพณีกว่า 100 ปี เชื่อได้อานิสงส์มาก เพราะน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ

ลพบุรี วันที่ 29 กันยายน 2566 ช่วงเช้า ที่วัดอัมพวัน ตำบลบางขันหมาก อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ชาวไทยเชื้อสายมอญ จัดพิธี “ตักบาตรน้ำผึ้ง” เพื่อสืบสานประเพณีอันงดงามชาวไทยเชื้อสายมอญ เมืองลพบุรี ที่สืบทอดกันมานานกว่า100ปี ตามตำนานความเชื่อว่า เป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์มาก เนื่องจากน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ  โดยชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดลพบุรี ยังคงมีการสืบสานประเพณีอันเก่าแก่ของชาวมอญเอาไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดกัน โดยจะแต่งการชุดมอญมาทำบุญในวันพระ ขึ้น 15ค่ำเดือน 10 ด้วยการนำน้ำผึ้งมาตักบาตรให้กับพระสงฆ์ ชาวไทยเชื้อสายมอญ ทำบุญ "ตักบาตรน้ำผึ้ง" สืบสานประเพณี 100 ปี พระปัญญาวุฒิวุฑฺฒิโก (รุมรามัญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน เปิดเผยว่า มอญเป็นชนชาติหนึ่งที่นับพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด และในวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี ชาวมอญก็จะมาทำบุญที่วัดตามปกติ โดยการนำอาหารคาวหวาน ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มมัดและดอกไม้ ธูปเทียน มาที่วัด เพื่อเป็นการทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลให้บรรพบุรุษ และญาติพี่น้องที่ได้ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนี้ ชาวมอญจะนำน้ำผึ้งมาใส่บาตร ซึ่งชาวมอญบางท้องถิ่นก็มีการนำน้ำตาลมาใส่บาตรในคราวเดียวกันด้วย เพื่อให้วัดสามารถนำน้ำตาลทรายไปใช้กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ของทางวัดได้ บางพื้นที่ก็จะถวายน้ำผึ้งเป็นขวด แต่ตามวิถีโบราณนั้น การตักบาตรน้ำผึ้ง ผู้ที่นำน้ำผึ้งมาตักบาตร ต้องนำน้ำผึ้งมารินใส่ในบาตร เหมือนกับการใส่บาตรอาหารคาวหวานทุกประการ เพียงแต่จะใส่เฉพาะน้ำผึ้งเพียงอย่างเดียว และในการตักบาตรน้ำผึ้งนั้น ชาวมอญเชื่อกันว่า เป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์มาก เพราะน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ พระภิกษุสงฆ์นั้นก็จะนำน้ำผึ้งไปผสมกับยา และปั้นเป็นยาลูกกลอนฉันตอนพระภิกษุสงฆ์อาพาธ 

ชาวไทยเชื้อสายมอญ ทำบุญ "ตักบาตรน้ำผึ้ง" สืบสานประเพณี 100 ปี นอกจากนี้ น้ำผึ้งยังเปรียบเสมือน ยารักษาโรค ยาบำรุงร่างกายให้มีกำลังวังชาด้วย โดยน้ำผึ้งจัดเป็น 1 ในเภสัชทาน 5 ชนิด ได้แก่ น้ำผึ้ง เนยใส เนยข้น น้ำมัน และน้ำอ้อย ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นผลดีต่อสุขภาพที่พระสงฆ์พึงฉันได้ ปัจจุบันอนุโลมน้ำตาลเข้ามาร่วมด้วยถือว่ามาจากน้ำอ้อยนั่นเอง 

อย่างไรก็ตาม ตามความเชื่อของชาวมอญที่ถวายน้ำผึ้งแด่พระสงฆ์นั้น สืบเนื่องมาจากตำนานที่ว่าได้มีพระปัจเจกกะโพธิ์รูปหนึ่งอาพาธประสงค์ที่จะได้นำน้ำผึ้งมาผสมโอสถ เพื่อบำบัดอาการอาพาธนั้น วันหนึ่งได้ไปบิณฑบาตในชนบทที่ใกล้กับชายป่า มีชาวบ้านป่าคนหนึ่งเกิดกุศลจิต หวังจะถวายทานแด่พระปัจเจกกะโพธิ์ จึงนำน้ำผึ้งที่ตนได้เก็บไว้มาถวาย ด้วยจิตศรัทธาที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้นและสูงส่ง ครั้นรินน้ำผึ้งลงไปในบาตร เกิดปรากฏการณ์อย่างอัศจรรย์ น้ำผึ้งเกิดเพิ่มพูนขึ้นจนเต็มบาตร และล้นบาตรในที่สุด ขณะนั้นเอง มีชาวบ้านผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงกำลังทอผ้าอยู่ เห็นความอัศจรรย์นั้น ด้วยจิตศรัทธาเกรงว่าน้ำผึ้งจะเปื้อนมือพระปัจเจกกะโพธิ์ จึงนำผ้าที่ทอเสร็จแล้วมาถวาย เพื่อใช้ซับน้ำผึ้งที่ล้นออกมาจากบาตร อานิสงส์ดังกล่าว ส่งผลให้ชายหนุ่ม เกิดในภพใหม่เป็นพระราชาที่เข้มแข็งมั่งคั่ง 

ส่วนหญิงสาวไปเกิดเป็นพระธิดาของกษัตริย์อีกเมืองหนึ่ง ที่มีความเข้มแข็งและมั่งคั่ง จากพุทธประวัติดังกล่าวจึงเกิดประเพณีตักบาตรน้ำผึ้งขึ้น รวมทั้งเกิดการถวายผ้ารองบาตรน้ำผึ้งด้วย ซึ่งบรรดาหญิงสาวจะช่วยกันปักผ้าอย่างประณีตและสวยงาม เพื่อถวายพระควบคู่กับการตักบาตรน้ำผึ้ง อานิสงส์ในการถวายน้ำผึ้งนี้ มีตำนานที่เกี่ยวกับ พระฉิมพลี หรือ พระสิวลี อีกทางหนึ่งที่ว่าในอดีตกาลครั้งที่สมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระวิปัสสี พระสิวลีได้ถือกำเนิดเป็นชาวบ้านนอกในชนบท วันหนึ่งได้ไปในเมืองระหว่างทางกลางป่า ได้พบรวงผึ้งจึงได้ไล่ตัวผึ้งให้หนีไปแล้วตัดกิ่งไม้ถือรวงผึ้งเข้าไปในเมือง  ชาวไทยเชื้อสายมอญ ทำบุญ "ตักบาตรน้ำผึ้ง" สืบสานประเพณี 100 ปี ทั้งนี้ หลังร่วมกันตักบาตรน้ำผึ้งแล้ว ทุกคนก็จะได้นำน้ำผึ้งถวายพระสงฆ์ โดยไม่ต้องประเคนน้ำผึ้งให้กับพระ เพราะหากนำน้ำผึ้งประเคนพระจะต้องฉันท์ให้หมด แต่หากไม่ประเคนพระสามารถเก็บไว้ทำยาได้ ก่อนที่จะร่วมกันแห่ธงตะขาบรอบหลวงพ่อใหญ่เพื่อนำธงตะขาบขึ้นสู่ยอดเสาหงษ์