ประจวบคีรีขันธ์ วันที่ 22 กันยายน 2566 ที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น.ส.จุฑารัตน์ เหลืองเพิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานแถลงข่าวผลการดำเนินงานด้านการป้องกันปราบปรามการทุจริต และการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมี น.ส.ธัญลักษณ์ จีนแก้วเปี่ยม เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ นายยุทธนา แก้วประสงค์ นายไกรวัลย์ เตียงตั้ง พนักงานไต่สวนระดับสูง พร้อมนายปราโมศย์ ตั้งซุยยัง ประธานชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดฯ นางนวลใย นิลบรรพ์ ประธานโค้ชSTRONG จังหวัดฯ และสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วย
ท้ังนี้ น.ส.จุทารัตน์ เผยว่า เรื่องที่ 1 คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายสถิตย์ เลือดแดง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสามร้อยยอด และนายนิธิศ อิ่มสมบัติ หรือปริชญ์พัฒน์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสามร้อยยอด พร้อมกับพวก ว่าทุจริตการเบิกจ่ายเงินโครงการฝึกอบรมและทัศนศึกษาดูงานการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 โดยส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 และมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี และปรับคนละ 30,000 บาท สำหรับ น.ส.ณัฐวรรณ พระสงฆ์ หรือจันทร์เพ็ญหัวหน้าส่วนการคลัง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 15,000 บาท ส่วนน.ส.กฤติกา หรือฑิติภา โรหะนง หรือชัยธนากูลบวร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 ลงโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือนปรับ 20,000 บาท ซึ่งจำเลยทั้งหมดรับสารภาพเป็นประโยชน์ในการพิจารณามีเหตุผลบรรเทาโทษกึ่งหนึ่ง และข้อเท็จจริงในสำนวนไต่สวนประกอบรายงานสืบสวนและพินิจของจำเลย ทั้งเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และจำเลยทั้งหมดได้บรรเทาผลร้าย โดยชดใช้ค่าเสียหายให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลครบถ้วนเป็นที่พอใจ ประกอบกับปัจจุบัน นายสถิตย์ เลือดแดง และน.ส.กฤติกา ประกอบอาชีพสุจริต นายนิธิศ ได้รับโทษตามสมควร น.ส.ณัฐวรรณ ได้รับโทษปลดออกจากราชการ กรณีมีเหตุอันควรปราณีให้โอกาสจำเลยทั้งหมดกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกรอลงอาญามีกำหนด 2 ปี
"เรื่องที่ 2 กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายดำรง ลิมปพัฒนานนท์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพลับ ว่าทุจริตเบียดบังเงินบริจาคเพื่อต่อเติมศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพลับ 151,700 บาท โดยสำนักงานป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า จำเลยมีเจตนาเบียดบังเงินจำนวน 151,700 บาท เป็นของตนเองโดยทุจริต แม้ต่อมาจะได้นำเงินดังกล่าวฝากเข้าธนาคารในนามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแต่เป็นภายหลังได้รับการทวงถามจากที่ประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองพลับแล้ว หาเป็นเหตุให้รับฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตไม่ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และ 157 การกระทำเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ลงโทษตามบทหนัก (มาตรา 147 ) จำคุก 5 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 2 ปี 16 เดือน" น.ส.จุทารัตน์ กล่าว