ตามนโยบายของ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่จะเร่งรัดการดำเนินคดีพิเศษต่างๆ ให้แล้วเสร็จอย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ว จึงมอบหมายให้ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ติดตามความคืบหน้า คดีทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด (คดีพิเศษที่ 56/2566)
เนื่องจากเป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและสมาชิกนิคมสหกรณ์จำนวนมากในวงกว้าง พร้อมทั้งเตรียมเสนอให้มีการจับมือแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างกระทรวงยุติธรรม และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามนโยบาย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
สำหรับความคืบหน้าของคดีดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สอบพยานบุคคลจนทราบข้อเท็จจริง และมีพยานหลักฐานพอสมควรที่แจ้งข้อกล่าวหากับผู้เกี่ยวข้องได้ โดยพบพฤติการณ์กระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระ เช่น
1. กรณีการซื้อผลปาล์มสดจากสหกรณ์สมาชิกลดลง และซื้อจากสวนใหญ่/รายย่อย/ลานเทเอกชน/วิสาหกิจชุมชนอื่น เพิ่มขึ้นในปริมาณที่สูง
2. กรณีการขนส่งผลปาล์มสดมายังโรงงานของชุมนุมสหกรณ์ฯ มีการตั้ง “ค่าบริการจัดส่งปาล์ม” และพบว่ามีบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับผู้บริหารของชุมนุมสหกรณ์ฯ ในขณะนั้น ได้รับค่าบริการจัดส่งปาล์มไปเป็นจำนวนมาก
3. กรณีการซื้อผลปาล์มคุณภาพต่ำกว่า 18% แต่มีการบวกราคาเพิ่มกับผู้ขายบางราย เพื่อให้เท่ากับผลปาล์มที่มีคุณภาพสูง
4. กรณีชุมนุมสหกรณ์ฯ ทำสัญญาซื้อขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ (น้ำมันปาล์มดิบ) กับบริษัท โอพีจีเทค จำกัด เป็นเงินจำนวน 386,741,541.80 บาท ต่อมาบริษัท โอพีจีเทค จำกัด ผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ชุมนุมสหกรณ์ฯ ยังไม่ได้รับชำระหนี้ และยังไม่มีการเรียกร้องเป็นลายลักษณ์อักษรให้ธนาคารรับผิดชดใช้แทน ตามภาระหนังสือค้ำประกัน และไม่ใช้สิทธิเรียกร้องภายใต้อายุความตามหนังสือค้ำประกัน ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ ทำให้เกิดความเสียหาย
5. กรณีการทำสัญญาขนย้ายน้ำมันปาล์มดิบของชุมนุมสหกรณ์ฯ ซึ่งชุมนุมสหกรณ์ฯ ได้ว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ตรังวิรุณกิจขนส่ง เป็นผู้รับจ้างขนย้ายน้ำมันปาล์มดิบเพียงเจ้าเดียว ไม่เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
6. กรณีการจำหน่ายทรัพย์สินของชุมนุมสหกรณ์ฯ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มสาขาคลองท่อม ให้กับบริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด ซึ่งพบว่าเนื้อหาในสัญญาจะซื้อจะขายมีลักษณะที่ไม่เป็นธรรม ไม่รักษาผลประโยชน์ของชุมนุมสหกรณ์ และทำให้สหกรณ์เกิดความเสียหาย
นอกจากนี้ ในการสอบสวนยังมีประเด็นที่เกี่ยวพันกับการทุจริตของสหกรณ์อื่นอีก เช่น การนำที่ดินมิชอบด้วยกฎหมายมาขายให้กับชุมนุมสหกรณ์ฯ ซึ่งเมื่อช่วงวันที่ 13 – 19 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา คณะพนักงานสืบสวนได้ลงพื้นที่สืบสวนและสอบพยานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่นิคมสหกรณ์คลองท่อม , เจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดกระบี่ และขอคัดสำเนาโฉนดที่ดินที่สำนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ สาขาคลองท่อม พบเอกสารสิทธิ มิชอบแล้ว 27 แปลง จากที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ร้องทุกข์ให้สืบสวนเอกสารสิทธิ์ที่ดินมิชอบ 313 แปลง
ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหากพบการกระทำความผิด จะได้รายงานอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งให้สอบสวนเป็นคดีพิเศษต่อไป